นั่งรถไฟไปเชียงใหม่ | ขบวนที่51 รถไฟสายเหนือ

” เมื่อปลายทางคือรถไฟ ระหว่างทางคือเชียงใหม่ “

ประโยคด้านบนเราไม่ได้พิมพ์ผิด หรือพิมพ์สลับกันแต่อย่างใด แต่เราหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ เราเคยมีความฝันอยากนั่งรถไฟไปเชียงใหม่ตั้งแต่ตอนอายุ 8 ขวบ เราจำความฝันนั้นได้ดี อาจจะคิดว่าเด็ก 8 ขวบจะฝันอยากเดินทางแล้วหรอ เราเวอร์ไปรึป่าว

ต้นเหตุความฝันของเด็กหญิงวัย 8 ขวบคนนั้น มาจากพ่อของเธอ ที่มักจะเล่าประสบการณ์การเดินทางออกจากบ้านไปเรียนยังมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในเชียงใหม่ พ่อเล่าว่าในยุคของพ่อนั้น พาหนะในการเดินทางที่นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้ก็คือรถไฟ

เรายังจำน้ำเสียงของพ่อได้เวลาที่เล่าเรื่องนี้ มันแฝงไปด้วยความตื่นเต้นของเด็กหนุ่มที่ต้องจากบ้านเกิดที่อยู่ในภาคใต้แล้วออกเดินทางไปกับรถไฟสายความฝันและความหวังไปยังภาคเหนือ

เราคือเด็ก 8 ขวบคนนั้นที่ฝันอยากจะนั่งรถไฟไปเชียงใหม่แบบที่พ่อเราเคยนั่งและเคยเล่าให้เราฟัง

เราใช้เวลาค่อนข้างนานกว่าจะได้ทำความฝันของเด็กหญิงวัย 8 ขวบในอดีต อาจจะด้วยความสะดวกสบายของพาหนะชนิดอื่นทำให้เราเก็บความฝันในการนั่งรถไฟเอาไว้เนิ่นนานจนล่วงมาถึงตอนนี้

ในที่สุดวันหนึ่งในเดือนมิถุนายน 2565 เราก็ตัดสินใจจองตั๋วรถไฟสายเหนือขบวนที่ 51 เพื่อที่จะเดินทางไปเชียงใหม่ ในปัจจุบันรถไฟที่มีต้นทางจากกรุงเทพ ปลายทางเชียงใหม่ มีให้เราเลือกเดินทางได้หลายขบวน แต่ขบวนที่เราเลือกกลับเป็นขบวนที่ 51 ขบวนสุดท้ายของวันที่จะพาผู้โดยสารเดินทางไปยังปลายทางเชียงใหม่

ขบวนนี้ออกเดินทางจากกรุงเทพช่วงเวลา 22.00 น. เป็นการเดินทางดึกที่จะไปถึงเชียงใหม่ในช่วงเที่ยงวัน เลยเป็นขบวนที่คนส่วนใหญ่ไม่ได้เลือกเดินทางเพราะมันเสียเวลาเที่ยวในเชียงใหม่ไปครึ่งวัน แต่มันคือขบวนที่เราอยากนั่งไปเชียงใหม่ เพราะมันจะเป็นขบวนที่ไม่ใช่แค่พาเราไปถึงปลายทาง แต่เราจะได้เห็นระหว่างทางของเส้นทางรถไฟสายเหนือ

มันเลยเป็นที่มาของทริปนี้ “ปลายทางคือรถไฟ ระหว่างทางคือเชียงใหม่” เรากับเชียงใหม่เจอกันบ่อยนัก แต่ละปีเราเจอเชียงใหม่น่าจะไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง แต่ครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่เราจะได้นั่งรถไฟสายเหนือไปเชียงใหม่ เราเลยขอให้เวลากับมันหน่อยนะ

ทริปนี้เราจองตั๋วรถไฟผ่านทางออนไลน์ https://www.dticket.railway.co.th/DTicketPublicWeb/home/Home ก่อนจะเดินทางแนะนำให้ปริ๊นตั๋วมาด้วยเพราะเมื่อถึงเวลาที่ต้องตรวจตั๋วจะได้สะดวก ทริปนี้เราเดินทางกับเพื่อนอีกคน เพื่อนที่มีความฝันอยากนั่งรถไฟสายเหนือเหมือนกัน

(บทความนี้รูปที่เราใช้ทั้งหมดจะเป็นรูปจากกล้องฟิล์มนะคะ)

เรานัดกับเพื่อนที่สถานีชุมทางบางซื่อ (สถานีอันเดิม) โดยรถไฟขบวนที่51 จะมาถึงสถานีนี้ตอน 22.24 น. และรถไฟก็มาถึงตรงเวลาอย่างไม่น่าเชื่อ

ตู้โบกี้ที่เราจองมาเป็นตู้สุดท้ายของขบวนนี้ คือตู้นอนแอร์ชั้น 2 (บนท.ป.36 : รถโบกี้นั่งและนอน ชั้น 2 ปรับอากาศ) สำหรับผู้หญิงที่จะเดินทางแบบเรากับเพื่อน หรือผู้หญิงที่จะเดินทางคนเดียว เราแนะนำให้จองตู้นี้นะคะ เพราะเป็นตู้ที่อยู่สุดท้าย ไม่มีใครเดินผ่าน และเป็นตู้ที่จะมีผู้โดยสาร (เต็ม) แค่ 36 คน เท่านั้น ราคาเตียงล่าง 821 บาท เตียงบน 751 บาท

ขึ้นมาบนขบวนก็แปลกใจนิดหน่อย เพราะครึ่งของโบกี้เราคือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่แบ็คแพ็คทั้งนั้น เมื่อขึ้นมาถึงที่นั่งของเราก็เปลี่ยนเป็นเตียงเรียบร้อยแล้ว เพราะตอนนี้มัน 4 ทุ่มกว่าแล้วเนอะ เรากับเพื่อนนั่งเล่นกันอีกนิดหน่อย ก่อนจะแยกย้ายกันไปนอน

ใครเดินทางด้วยขบวนที่ 51 เราแนะนำว่าขึ้นมาแล้วก็ให้หลับกันไปยาวๆ แล้วค่อยไปตื่นอีกทีประมาณ 7 โมงกว่าๆไปเลย ช่วงที่จะเริ่มเข้าจังหวัดอุตรดิตถ์ ช่วง “สถานีศิลาอาสน์” เพราะช่วงนี้เราจะเริ่มเห็นภูเขาที่ทอดยาวขนานไปกับทางรถไฟบ้างแล้ว

กาแฟมั้ยค่ะ กาแฟมั้ยค้าาาา

กาแฟสองแก้วค่ะ

เราตอบกลับตามเสียงเรียกของคุณยายที่ขึ้นมาขายกาแฟบนขบวนรถไฟ (ถ้าใครนั่งรถไฟใหม่จะไม่ได้เจอแบบนี้นะ) เสน่ห์อีกอย่างของรถไฟไทย ก็คือการที่เรานั่งรถไฟไปยังสถานีไหนแล้วเราจะได้ลุ้นว่าสถานีนั้นจะมีแม่ค้าพ่อค้ามาขายอะไร

หลังได้กาแฟแบบ 3 in 1 กันไปคนละแก้ว สติก็เริ่มมา และฟ้าก็เริ่มสว่างมากขึ้นแล้วเช่นกัน เรากับเพื่อนเลยขอเดินพาตัวเองย้ายไปยังตู้ที่เป็นพัดลมเพราะ เราจะสามารถถ่ายรูปได้สะดวก (ใครที่จะทำแบบเราแนะนำเอาของมีค่าติดตัวมาด้วยทุกเวลาจะเดินไปไหนมาไหนนะคะ)

เราเดินมานั่งเล่นที่ตู้ชั้นสองนั่งแบบพัดลม ตู้นี้มีผู้โดยสารที่ประเมินด้วยสายตาไม่น่าจะเกิน 6 คน

ใครที่จองตู้นอนแอร์แบบเรา เมื่อฟ้าสว่างแล้วจะมานั่งเล่นที่ตู้อื่นก็ทำได้นะคะ โดยปกติรถไฟเราสามารถเดินไปไหนก็ได้อยู่แล้ว แค่ไม่ควรไปยืนตรงรอยต่อขบวนก็เท่านั้น

เราเดินมาเจอคุณยายที่ขายกาแฟให้เราเมื่อเช้า เลยบอกยายว่า หนูอยากมาถ่ายรูปค่ะ ยายเลยแนะนำว่า ฝั่งขวาคือฝั่งที่สวย เลยจากเด่นชัยไปเราจะเจอกับแก่งหลวงนะ ถ้าช่วงที่น้ำเต็มมันจะสวยมากๆ คุณยายบอกเราอย่างนั้น พร้อมกับช่วงเปิดกระจกรถให้ลงสุดเราจะได้ถ่ายรูปได้ถนัด

เราชอบนั่งรถไฟเพราะชอบดูวิวข้างทาง และเวลารถเลี้ยวก็ชอบจะยื่นหัวออกไปมอง 5555 มันสวยนะเวลาที่เห็นโบกี้ต่างๆกำลังเลี้ยวโค้ง เหมือนหนอนอะไรสักอย่าง

ระหว่างเราบอกตัวเองว่า ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงวันที่เราได้ทำตามความฝันนั้นได้สำเร็จ เราไม่ได้อยากรีบถึงเชียงใหม่ ไม่ได้อยากรีบไปเที่ยวต่อ แต่เราอยากเห็นวิวสวยๆนอกหน้าต่างมากกว่า

ไม่นานนัก เราก็มาถึงสถานีเด่นชัย รถไฟเราที่นี่อยู่นาน นานจนเราคิดว่ารอรถสวนรึป่าว แต่เราก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเพราะกำลังสนุกกับการถ่ายรูปอยู่

หลังจากที่รถจอดที่สถานีเด่นชัยเวลาล่วงไปแล้วเกือบ 30 นาที นายสถานีก็ประกาศว่ารถไฟขบวนที่51 มีปัญหา ทำให้ต้องมีการซ่อม ซึ่งอาจจะทำให้ใช้เวลาประมาณ 60 นาที แนะนำให้ผู้โดยสารลงมานั่งเล่นที่สถานีก่อน

สำหรับคนส่วนใหญ่คงไม่ชอบใจนักเมื่อการเดินทางของเรา มันคลาดเคลื่อนไป เวลาที่คิดว่าจะต้องไปถึงมันกลับโดนเลื่อนออกไป แพลนต่างๆของเราก็ต้องขยับไปเป็นแถว

แต่สำหรับในการเดินทางครั้งนี้ เราไม่มีความหงุดหงิดแม้แต่น้อย เราใช้เวลาที่รถซ่อมหมดไปกับการถ่ายรูป ดูเป็นนักท่องเที่ยวที่สนุกกับการเดินทางแบบเกินหน้าเกินตาไปหน่อย

หลังจากครบ 60 นาที นายสถานีประกาศอีกครั้งให้ผู้โดยสารทุกคนขึ้นรถเตรียมพร้อมออกเดินทางได้ ในอีก 15 นาที

ออกจากสถานีเด่นชัย เราย้ายตัวเองไปอยู่ฝั่งขวาของขบวนตามคำบอกเล่าของคุณยายแม่ค้า ก่อนจะถึงแก่งหลวง บรรยากาศข้างทางเต็มไปด้วยสีเขียวสดใสของต้นไม้ใบหญ้าในช่วงเริ่มต้นฤดูฝน

เราชอบข้างทางของเส้นทางรถไฟสายเหนือ เพราะมีภูเขาที่ทอดยาวและคอยขนานไปกับเส้นทางรถไฟอยู่ตลอด

ยายบอกว่าเราจะได้เจอกับแก่งหลวง ช่วงนี้น้ำยังไม่เยอะ ถ้าช่วงน้ำเยอะที่นี่จะสวยมากเลยนะ

ตลอดเส้นทางสายนี้เรายังเป็นนักท่องเที่ยวตัวซนที่ย้ายที่นั่งไปมาอย่างยุกยิ๊กไปหมด ก็วิวสองข้างทางเส้นทางสายนี้มันสวยนี่น่า

สถานีบ้านปิน สถานีที่มีรูปทรงแปลกตา เราไม่ได้มีความรู้เรื่องอาคาร แต่สายตาบอกว่าที่นี่สะดุดตา บ้านหลังสีส้มที่อยู่กลางป่า

รถไฟยังคงเดินทางต่อหลังจากที่หยุดพักเพราะต้องซ่อมแซมเกือบ 2 ชั่วโมง ระหว่างทางต่อจากนี้เป็นช่วงป่าเขาที่จะอยู่กับเราไปตลอด

สิ่งหนึ่งที่เราอยากแนะนำให้คนที่เดินทางด้วยรถไฟเอาติดกระเป๋ามาด้วยก็คือหนังสือ หนังสือเล่มที่เราพยามอ่านที่บ้านอยู่นานสองนานก็ไม่จบหน้าสักที (อย่าว่าแต่จบเล่มเลย) เมื่อเราเดินทางด้วยรถไฟ มันจะมีบางช่วงที่สัญญาณโทรศัพท์นั้นหายไป ทำให้เรากลับมาจดจ่อกับตัวเอง รวมถึงมันจะมีช่วงเหม่อ ช่วงที่รถไฟผ่านป่ารกที่ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้น เราจะได้หยิบหนังสือที่เราเอาติดกระเป๋าออกมาอ่าน และมันน่าแปลกมากเมื่อหนังสือเล่มนั้นกลับสนุกขึ้นกว่าตอนที่เราอ่านที่ห้องมากนัก

เพราะการเดินทางทำให้ความคิดเราลื่นไหล หลายๆอย่างที่เราอยู่ที่บ้านเราคิดไม่ออก หรือเราไม่รู้สึก แต่มันจะออกมาเมื่อเราออกเดินทาง

เดินทางต่อ

จากบ้านปิน รถไฟกำลังเข้าสู่จังหวัดลำปาง โดยจังหวัดนี้รถไฟขบวนนี้จะจอดเริ่มที่สถานีแม่เมาะ เรายังไม่เคยมาเที่ยวลำปางเลยค่ะ แต่มีคนเคยบอกว่าให้ลองมาแม่เมาะนะ เพราะที่นี่อากาศดี วันนี้ได้แค่นั่งรถไฟผ่านก่อนไว้วันหน้าเราจะมาเที่ยวให้ได้เลย

เมื่อเข้าสู่จังหวัดลำปาง เราจะได้เห็นเทือกเขาขนาดใหญ่ที่อยู่ขนานกับทางรถไฟ เป็นภาพที่ชอบมากเลยค่ะ

รถไฟจอดสถานีนครลำปางตอนเวลาประมาณเที่ยงกว่าๆ สิ่งแรกที่เรารู้สึกได้ไม่ใช่ความร้อนของอากาศ แต่เป็นความหิว ช่วงเที่ยงจะมีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายอาหาร หรือเมนูไก่ย่างข้าวเหนียว ข้าวเหนียวหมูปิ้ง พอให้เราได้รองท้องพอหายหิว

เราเดินทางกันต่อมุ่งหน้าสู่สถานีขุนตาน

ขุนตานเป็นช่วงอุโมงค์รถไฟไทยที่มีความยาวมากที่สุดในตอนนี้ โดยเมื่อเรามาจากกรุงเทพก่อนที่รถจะจอดที่สถานีขุนตาน เราจะได้เข้าอุโมงค์ขุนตานก่อน ซึ่งช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่รถมืดเกือบ 5 นาที ก่อนจะมาหยุดที่สถานีขุนตาน

ขุนตานเป็นสถานีแรกในเขตจังหวัดลำพูนที่รถไฟขบวนที่51 จะหยุด และเดินทางต่อมาหยุดที่สถานีลำพูน โดยเราจะเริ่มเห็นข้างทางที่เปลี่ยนไปจากภูเขาที่ทอดยาวขนานทางรถไฟ เริ่มเป็นบ้านเรือนสมัยใหม่มากขึ้น

เมื่อถึงสถานีลำพูน ผู้โดยสารหลายคนเริ่มทยอยลงกันที่สถานีนี้ และใครที่จะลงสถานีเชียงใหม่แบบเรา ก็เริ่มต้องเก็บสัมภาระกันได้แล้ว เพราะอีกประมาณ 20 นาทีเราก็จะถึงสถานีเชียงใหม่แล้ว

สถานีนครเชียงใหม่

ในที่สุดเราก็พาตัวเองมาถึงเชียงใหม่ด้วยรถไฟสายเหนือได้แล้ว (และรถไฟก็พาเรามาถึงเช่นกัน) หลังจากกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ประจำตู้ที่คอยอำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง (โดยเฉพาะตอนที่เราพยามถ่ายรูป) ขอบคุณคุณปู่รถไฟที่พาเรามาถึงแม้จะเลทไป 2 ชั่วโมงก็ตาม และขอบคุณตัวเองที่ในที่สุดเราก็ทำตามความฝันของเด็กผู้หญิงวัย 8 ขวบในอดีตได้สำเร็จ แม้ความฝันนั้นจะถูกเติมเต็มด้วยผู้หญิงวัย 29 ก็ตาม

เราหวังว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นในอดีตจะดีใจที่วันนี้ความฝันในวันเด็กที่เกี่ยวกับความหลงรักการเดินทางในช่วงวัยนั้น จะก่อตัวมาจนเป็นเราที่ชอบหนีเที่ยวมากๆในวันนี้ สำเร็จสักที

ทริปนี้อาจจะไม่ใช่ทริปที่ดูน่าจะพิศมัยกับคนที่ต้องการความสะดวก สบาย ต้องการความรวดเร็ว แต่ทริปนี้คือทริปของคนที่มีความฝันว่าครั้งนึงอยากนั่งรถไฟไปเชียงใหม่ ที่ไม่ใช่แค่การใช้รถไฟเป็นยานพาหนะ แต่คือการเดินทางด้วยรถไฟที่มีวิวสองข้างทางจากพื้นที่ภูมิประเทศของภาคเหนือเป็นเพื่อนร่วมทาง


จองตั๋วรถไฟแบบออนไลน์ได้ที่ : https://www.dticket.railway.co.th/DTicketPublicWeb/home/Home

ขาไป (กรุงเทพ – เชียงใหม่)​: แนะนำนั่งฝั่งขวา

ขากลับ (เชียงใหม่ – กรุงเทพ) : แนะนำนั่งฝั่งซ้าย

ใส่ความเห็น

Please log in using one of these methods to post your comment:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  เปลี่ยนแปลง )

Connecting to %s

%d bloggers like this: