“ปาย ไปทำไมวะ“
เพื่อนผู้ตกกะไดพลอยโจร มาเป็นเพื่อนร่วมทริปและไบค์เกอร์แบบงงๆ ถามเราด้วยความสงสัยไม่ใช่กวนตีนแบบที่เรารู้สึกได้
“มึงทำไม ก็แค่กูอยากไปปาย” เราตอบคำถามไปแค่นั้น เพราะเราไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาเหตุผลให้กับปลายทางที่เราชอบไปทำไม เพราะเราชอบไงงงง ใครจะทำไมวะ

จริงๆแล้วทริปไปเที่ยวปายเป็นส่วนหนึ่งของทริปไบค์เกอร์ของเราเอง ด้วยเส้นทางที่เราอยากจะไปเที่ยวนั้นมันต้องผ่านอำเภอปาย ทำให้เราไม่ลังเลที่จะหยุดแวะที่ปาย และนอนที่นี่ 1 คืน
ทริปนี้เราเช่ารถมอไซค์มาจากเชียงใหม่ ขับมาเรื่อยๆบนเส้นทาง 1095 ผ่านไม่รู้กี่ร้อยโค้ง แต่โชคดีไม่อ้วกเพราะเราขับมอไซค์กันมา อ้าปากรับลมตลอดทาง 55555


เช่ารถขับจากเชียงใหม่
สำหรับใครสนใจจะเช่ารถแบบเราสามารถเช้าได้ที่ ร้าน Bikky Chiangmai สาขากาดสวนแก้ว ที่ร้านมีรถให้เราเลือกเยอะมากกก ขึ้นดอยแนะนำให้เอารถที่มีแรงหน่อยนะคะ เพราะไม่งั้นอาจจะต้องลงเข็นได้น้าาา 5555
ทริปนี้เราเลือกเป็นรถ Click125 ราคาวันละ 300 บาท ไม่ต้องวางเงินประกันและที่ร้านมีหมวกกันน็อกให้เรายืมได้ฟรีด้วยนะ แต่เป็นแบบไม่มีกระจกปิดหน้า หากใครอยากได้แบบมีกระจกปิดหน้าต้องเช่าวันละ 50 บาทต่อใบนะ
แต่แนะนำว่าใครที่ขับรถออกไปนอกเมืองเชียงใหม่ ให้เช่าหมวกกันน็อกแบบมีกระจกปิดหน้าเพิ่มไป เพราะมันช่วยกันลม กันฝุ่น ได้ดีกว่าแบบไม่มีกระจกมากนะ
ใครสนใจจะเช่ารถสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ : https://www.facebook.com/Bikkychiangmai

Hotel Pai Country Hut
เขาใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงกว่าๆ บนถนน เราไม่เร่งไม่รีบ ไปกันเรื่อยๆ เน้นปลอดภัยไม่ลงไปกลิ้งบนถนนก็พอ
จุดหมายแรกที่เราไปเช็คอินก็คือโรงแรม เพราะเอาจริงอยากล้างหน้าล้างตามากก ฝุ่นเกาะตัวไปหมด ช่วงที่เราไปโชคดีที่อากาศหนาวอย่างน้อยตัวก็ไม่ได้เหนียวไปด้วยเหงื่อจากความร้อน
ทริปนี้เราใช้โปรเราเที่ยวด้วยกันจองที่พักในปาย โดยจ่ายในราคาคืนละ 433 บาท ถูกมากกกกกก ในความอยากประหยัดก็มีความระแวงไปด้วย ว่าที่พักจะตรงปกมั้ยนะ แต่จองไปแล้วที่เหลือก็แค่ไปลุ้นเอา
เราขับรถตาม maps ไปเรื่อยๆๆ กว่าจะหาที่พักเจอก็หลงอยู่หลายรอบเหมือนกัน แต่เมื่อมาถึงโอ้ยยยย ชั้นรอดดดด ที่พักคืนนี้ของชั้นดี !! มีที่จอดรถเป็นสัดส่วน ที่พักจะแบ่งเป็นหลังๆ มีสนามหญ้าสีเขียวชะอุ่มอยู่ตรงกลาง
https://www.facebook.com/paicountryhut/?ref=page_internal

บ้านของเรา หน้าบ้านจะมีส่วนให้นั่งพักผ่อน มีเปลให้นอนเล่นด้วย ภายในห้องมีครบ เตียง ผ้านุ่มแบบอุ่นๆ โต๊ะเครื่องแป้งขนาดเล็ก พัดลม และที่ดีสุดคือห้องน้ำสะอาดดดด มีเครื่องทำน้ำอุ่น
ราคา 433 บาท คือโคตรคุ้มมมมมม มีอาหารเช้าให้ด้วยนะ เป็นกาแฟ ขนมปัง น้ำผลไม้ และผลไม้จ้า





ปายครั้งที่สอง
เราเคยมาปายแล้ว ครั้งแรกน่าจะเมื่อ 6-7 ปีก่อน ครั้งนั้นเราเลือกมาปายในหน้าฝน บรรยากาศปายช่วงโลว์ซีชั่น มีนักท่องเที่ยวบางตา ทำให้เราหลงรักปาย
ครั้งนี้เรากลับมาปายอีกครั้ง เรามาในช่วงหน้าหนาว แต่ก็ไม่ได้มีนักท่องเที่ยวหนาตามากกว่าเมื่อ 6-7 ปีก่อน คงอาจจะเพราะโรคระบาดที่เป็นตัวการสำคัญให้เมืองท่องเที่ยวเงียบกว่าที่มันควรจะเป็น

เราพาเพื่อนบุคคลที่มาปายครั้งแรก ออกสำรวจเมืองปายโดยรอบแบบหยาบๆ เพื่อให้เพื่อนเราได้เห็นปายในมุมกว้างๆสักหน่อย
เอาจริงเราก็ไม่รู้ว่ามาปายต้องไปไหน เพราะปกติมาปาย เรามาเดินเล่น หาคาเฟ่นั่งจิบกาแฟมองวิว แค่นั้นจริงๆนะ สุดท้ายเราเลยพาเพื่อนมานั่งพักผ่อนหย่อนใจที่บ้านสีเหลือง Coffee in Love เพราะถ้าถามเราว่าที่ไหนเลยเห็นแล้วผู้คนต้องร้องอ๋อทันที ก็คงจะหนีไม่พ้นที่นี่เป็นแน่แท้

เราใช้เวลาช่วงเย็นไปกับกาแฟ ภูเขา และเพื่อนเรา ทริปนี้เราเดินทางกับเพื่อนสนิทก็จริง แต่เมื่อโตแล้ว ต่างคนก็ต่างไปตั้งใจใช้ชีวิตของใครของมันกัน จะได้คุยกันยาวๆก็ตอนออกเดินทางด้วยกันนี่ล่ะค่ะ
“มึง คนส่วนใหญ่เขามาปายกันทำไมวะ”
ประโยคคำถามที่เพื่อนเราถามมานั้น เราไม่แน่ใจมันกวนตีน หรือมันสงสัยจริงๆ แต่นั่นก็ทำให้เราสงสัยเหมือนกันว่าจริงๆ คนที่มาเที่ยวปายเขามาทำไมกันนะ

ถนนคนเดินปาย
เรากลับมายังที่พักเพื่อจะจอดรถเอาไว้ แล้วไปเดินเล่นที่ถนนคนเดินปายกัน จากที่พักของเราสามารถเดินไปยังถนนคนเดินปายได้เลยไม่ไกลนัก แค่ข้ามสะพานไม้ไผ่ก็ถึงแล้ว

เราชอบถนนคนเดินปายนะ เราว่าการมาปายก็คงต้องมาเดินที่ถนนคนเดินแห่งนี้ เพราะมันเป็นอีกหนึ่งสถานที่ อีกหนึ่งแลนมาร์ค ที่จะทำให้เราได้เห็นปายอีกมุมหนึ่ง
ถนนคนเดินปายก็ไม่ได้แตกต่างกับถนนคนเดินในจังหวัดมากนัก พ่อค้าแม่ค้ามาขายของกันมากมาย แต่ช่วงที่เราไปเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวบางตากว่าที่มันควรจะเป็น ถนนแห่งนี้เลยมีความเหงาปกคลุมอยู่ไม่น้อยเลยล่ะ



เราแวะกินข้าวซอย ต่อด้วยข้าวปุกงา และไม่วายที่จะลิ้มลองข้าวโพดปิ้งหอมๆที่ส่งกลิ่นโชยในค่ำคืนที่อากาศหนาวแบบนี้




สุดท้ายเราใช้เวลาในค่ำคืนหนาวๆนี้ไปกับการนั่งมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา พร้อมกับคำถามในใจว่าจริงๆแล้วเรามาปายทำไมหรอ เพราะตัวเราก็ไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเรามาปายเพื่ออะไร



อรุณสวัสดิ์
ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ตี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
นาฬิกาปลุกจากไหนสักที่กำลังโวยวาย เราจำใจตื่นเพราะจะนอนต่อก็ไม่ไหวถ้าเสียงนาฬิกาจะดังขนาดนี้ จากที่เมื่อวานเพื่อนเราถามว่ามาปายเพื่ออะไร ทำไมต้องมาปาย ซึ่งเราบุคคลซึ่งเคยมาปายแล้วก็ไม่สามารถตอบคำถามข้อนั้นได้ เลยต้องหากิจกรรมที่ให้มันรู้สึกว่าเมื่อมาปายเขามากันทำไม
เช้านี้เราตั้งนาฬิกาปลุกเพื่อจะได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่จุดชมวิวหยุนไหล โดยจุดชมวิวแห่งนี้เป็นจุดชมวิวที่จะทำให้เราได้เห็นทะเลหมอกที่สวยสุดในปายเลยก็ว่าได้

จุดชมวิวหยุนไหล จะต้องขับรถออกมาจากในตัวตลาดปายหน่อย เราขับมอไซค์ประมาณ 15 นาที ถ้าใครที่พารถยนต์มาจะมีลานจอดรถให้ และจะต้องขึ้นรถรับส่ง เพราะทางมันแคบอาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่นัก ส่วนชาวไบค์เกอร์แบบเราขึ้นลงเองได้เลยจ้า
เมื่อขึ้นมาแล้วจะต้องจ่ายค่าเข้าคนละ 20 บาท หลังจากนั้นก็หามุมปักหลักที่จะรอชมพระอาทิตย์ขึ้นกันให้มั่น



ที่ใครสักคนเคยบอกไว้ว่าจังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นเมืองแห่งม่านหมอก เห็นท่าจะจริง เพราะหมอกยามเช้าในวันนี้มันชดเชยหมอกทั้งปีในปีนี้ของเราได้เลยนะ


เราเฝ้ารออย่างจดจ่อเเพื่อรอเวลาที่พระอาทิตย์กำลังขึ้น เพราะนั่นสำหรับเราคือการเริ่มต้นใหม่ในแต่ละวัน ลืมเมื่อวานไปให้หมด วันนี้เรามีเวลาเริ่มต้นใหม่กับมันอีกครั้ง



เราใช้เวลาอยู่ตรงนั้นนานพอสมควร มองพระอาทิตย์ที่ค่อยๆเคลื่อนที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ ใครที่อยากมากางเต็นท์ที่นี่ก็ได้นะ น่าจะชิลดีเหมือนกัน


คาเฟ่เมืองปาย
ปัจจุบันปายก็คงเหมือนเมืองอื่นๆในไทยที่มีคาเฟ่สวยๆดีๆมากมาย ขนาดปายเมืองเล็กๆแบบนี้ ยังอัดแน่นไปด้วยคาเฟ่น่ารักๆมากมาย แต่ทริปนี้เรามีเวลาไม่มากนัก จึงเก็บคาเฟ่มาฝากแค่สองแห่งเท่านั้น
Monko in Pai คาเฟ่น้องใหม่แต่เสน่ห์แรงมากกที่สุดแห่งหนึ่งของปาย แต่แค่ชื่อหลายคนยังคงขมวดคิ้วและนึกไม่ออกแน่ๆ แต่ถ้าบอกว่าคือคาเฟ่ใหม่ของปายที่มีภาพจำเป็น ภาพหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ที่เห็นวิวด้านนอกต้องร้องอ๋อแน่ๆ
คาเฟ่แห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากที่พักเรามากนัก ขับรถมาสั่งกาแฟ และนั่งเล่นชิลๆได้ ช่วงที่เราไปลูกค้าไม่เยอะ เลยได้พูดคุยกับเจ้าของร้านนิดหน่อย เลยได้รู้ว่า คาเฟ่แห่งนี้พึ่งเปิดช่วงหลังโควิดระลอกแรกนั่นเอง แต่ด้วยความสวยของร้าน บรรยากาศสบายๆ ทำให้ผู้คนหลั่งไหลมาที่นี่เมื่อมาปาย






Dammie cafe’ อีกหนึ่งคาเฟ่ของปายที่เราหลงรักตั้งแต่เห็นเพียงหน้าประตู(รั้ว) คาเฟ่แห่งนี้อยู่ปากซอยก่อนที่จะไปยังที่พักของเรา ทำให้เราหมายตาไว้ตั้งแต่วันแรกที่มาปายว่าก่อนจะออกจากบ้าน เราจะต้องได้แวะมาที่นี่
คาเฟ่น่ารักๆ บรรยากาศสบายๆ ให้อารมณ์เหมือนมาบ้านเพื่อนรุ่นพี่ที่ใจดี เราสั่งกาแฟ แล้วนั่งมองแสงแดดที่สาดเข้ามาภายในตัวบ้าน บรรยากาศสบายๆ ที่เจ้าของตั้งใจทำไว้ ส่งมาถึงผู้มาเยือนแบบเราอย่างง่ายดาย
https://www.facebook.com/paicafe/





สุดท้ายเมื่อเวลาที่ต้องเดินทางต่อมาถึง เราก็ต้องบอกลาปาย ออกเดินต่อไปยังปลายทางที่เราใฝ่ฝัน ก่อนออกจากปายเราย้อนถามตัวเองอีกครั้งว่า แท้จริงแล้ว เรามาปายทำไม ??
และเราก็ยังไม่สามารถตอบคำถามเพื่อนและตอบตัวเองได้อยู่ดีว่า เรามาปายทำไม แต่เรารู้แค่ว่าปายเป็นจุดหมายปายทางที่เรามาแล้วสบายใจ ปายคือเมืองเล็กๆที่เป็นมิตรกับผู้มาเยือนเสมอ และแทนที่เราจะถามว่าใครๆเขามาปายกันทำไม ลองเปลี่ยนเป็นว่ามาปายแล้วได้อะไร เราว่ามันน่าจะเป็นคำถามที่ตอบง่ายขึ้นมาเยอะทีเดียว
เพราะอย่างน้อยเราก็สามารถตอบคำถามนี้ได้ ว่าเรามา “ปาย” แล้ว “สบายใจ” แล้วคุณล่ะ ตอบได้มั้ยว่า “ไปปายทำไม”

One thought on “ปาย | ไปทำไม อ.ปาย จ.แม่ฮ่องสอน”