เมื่อเทคโนโลยีเข้ามาเป็นส่วนสำคัญของชีวิต คนเราก็ดูเร่งรีบกับทุกสิ่ง
จนบางครั้งความเร่งรีบนั้น ทำให้เราทำ “ความสุขทางใจ” หล่นหายไประหว่างทาง

เราหลงรักการนั่งรถไฟเพื่อการเดินทางครั้งแรกก็ตอนไปญี่ปุ่น
รถไฟที่ทั้งสะอาด สะดวกสบาย เดินทางผ่านวิวสวยๆของระหว่างทาง
การเดินทางครั้งนั้นทำให้เราฝังใจกับการเดินทางด้วยรถไฟมากๆๆ
หลังจากนั้นเมื่อต้องเดินทางในต่างประเทศ หากมีรถไฟเป็นทางเลือกเราจะขอเลือกรถไฟเป็นอย่างแรกเสมอ

วันดีคืนดี เราก็ถามตัวเองว่า “นานแค่ไหนแล้วที่เราไม่ได้นั่งรถไฟกลับบ้าน”
เราไม่ได้เดินทางกลับบ้าน (ที่หาดใหญ่) ด้วยรถไฟมานานมากกกกกก
ไม่ได้อคติต่อรถไฟไทย แต่มันใช้เวลานานนนนนนน นานนนนมากกกกก ถ้านับเวลาเป็นเครื่องบินเราน่าจะบินใกล้ถึงอเมริกาแล้วมั้งงงงง
แต่ครั้งนี้เราขอกลับบ้านด้วยรถไฟใหม่ของไทยยยยยดูสักครั้ง

เราจองตั๋วรถไฟผ่านทางเว็บไซต์ https://www.thairailwayticket.com/eTSRT/
เพราะสามารถเลือกที่นั่งได้เลย จ่ายตังค์ผ่านบัตรเครดิต เสร็จแล้วก็แค่ปริ้นตั๋วออกมาเลย ถึงวันเดินทางได้เลย ซึ่งเราได้ทำ How to วิธีจองตั๋วไว้นานแล้ว สามารถเข้าไปอ่านได้ที่ : https://diaryoftravelbylidear.wordpress.com/2017/08/15/%e0%b8%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b9%8b%e0%b8%a7%e0%b8%a3%e0%b8%96%e0%b9%84%e0%b8%9f%e0%b9%84%e0%b8%97%e0%b8%a2-%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%9a%e0%b8%ad%e0%b8%ad%e0%b8%99%e0%b9%84%e0%b8%a5/
h
โดยขบวนรถที่เราจะกลับนั้นคือ ขบวนรถ 31 ต้นทางจากสถานีรถไฟกรุงเทพ ออกเดินทาง 14.45 น. ปลายทางที่ชุมทางหาดใหญ่ ในเวลา 6.35 น.

ปกติเราก็มากรุงเทพเฉลี่ยเดือนละครั้งมาทำงานบ้าง มาหาแฟนบ้าง มาเที่ยวเล่นบ้าง แน่นอนกว่าการเดินทางโดยประจำของเราก็คือ การเดินทางด้วยเครื่องบิน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 35 นาที ก็ถึงจุดหมายปลายทางแล้ว สะดวกสบายจะตายยยยยย
แต่ครั้งนี้เราจะเดินทางด้วยรถไฟไทย ที่ได้รับการเปลี่ยนโฉมมาใหม่ มีเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่าสบายมากกกกกกกกกกกกกกกกก แต่ยังช้าเหมือนเดิมมมมมมม
เราตัดสินใจว่า เราจะลองกลับบ้านด้วยรถไฟไทย(อีก)สักครั้ง เพราะครั้งล่าสุดที่กลับบ้านด้วยรถไฟ นั้นมันก็โคตรจะนานมากๆๆแล้ว ครั้งนี้เราไม่รู้เหมือนกันว่าจะชอบ หรือเซ็งที่มันช้า แต่ก็บอกตัวเองว่า ถือว่าจะได้มีเวลาอ่านหนังสือที่ชอบก็แล้วกันนะ

เมื่อวันเดินทางมาถึง
เรามาถึงสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ก่อนเวลาที่รถไฟจะออกจากสถานี 1 ชั่วโมง
ก็คนมันตื่นเต้นนนนนนน
แต่รถไฟที่จะพาเรากลับบ้านนั้นมาจอดเทียบอยู่ที่ชานชลาก่อนเรามาซะอีกกกก

เราจองมาเป็นตู้ผู้หญิงล้วน เพื่อความสบายใจของตนเองและผู้ปกครอง
รถไฟใหม่มันดีอย่างนี้แหละแกรรรรรรร
ขึ้นมาถึงก็เอาสัมภาระไปจับจองที่นั่งของตัวเอง ที่ทำการจองมาตั้งแต่ตอนจองตั๋วแล้ว

รถไฟออกจากสถานีต้นทางตรงเวลามากกกกก (14.45น.)
เราชอบความเป็นอินเตอร์ของรถไฟใหม่ที่จะมีประกาศทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษให้รับรู้ ว่ากำลังจะออกจากสถานีแล้วนะ หรือกำลังจะจอดสถานีไหนนะ แถมยังมีจอ LCD บอกเส้นทางของรถไฟขบวนนั้นด้วย
ห้องน้ำก็สะอาดดดดด คือเทียบเท่าห้องน้ำบนเครื่องบินเลยนะ
ประทับใจมากกกกกกกกกกกกกกกก

เมื่อรถไฟเริ่มออกจากชานชลา
เราก็เริ่มอ่านหนังสือเล่มโปรดที่เอาติดตัวไปด้วย มันสนุกนะ มันสนุกกว่าเดิมเยอะมาก
เพราะทุกครั้งที่เงยขึ้นมาจากหน้าหนังสือวิวระหว่างทางก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ

ตอนมาด้วยความตื่นเต้นเลยไม่ได้แวะกินข้าว หรือซื้อของกินมาตุนเลย
เพราะอยากไปลองกินข้าวที่ตู้เสบียงดู (มีคนบอกว่า มันสบายนะ)
จากตู้ผู้หญิงไปถึงตู้เสบียงต้องเดินไปประมาณ 4 ตู้ ถือว่าค่อนข้างไกล หรือไม่อยากเดินไกลสามารถสั่งอาหารก็ได้นะ จะมีสตาฟจากตู้เสบียงเดินมารับออเดอร์เป็นระยะ
เราไปถึงในตู้เสบียงมีผู้โดยสารคนอื่นนั่งกินข้าวอยู่ก่อนหน้าแค่ 2 คน เราเลยได้เลือกนั่งเก้าอี้ตามใจชอบ

เอาจริงนะ ตู้เสบียงของรถไฟใหม่ ให้อารมณ์คล้ายญี่ปุ่นมากกกกกก
เราชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ไม่อยากจะเชื่อว่าอาหารเซ็ตธรรมดาๆ (แต่ราคาไม่ธรรมดา) กินไป มองวิวไป มันอร่อยมาก
เรารู้สึกว่าตัวเองคิดถูกที่เดินมากินที่ตู้เสบียงเพราะมันได้อีกฟีลนึงเลยนะ



รถไฟขบวนที่เราเดินทาง เป็นรถไฟที่ค่อนข้างเร็ว(แล้ว) จอดน้อยสถานี ทำให้ถึงค่อนข้างจะตรงเวลาที่กำหนดอยู่นะ
เมื่อจอดน้อยและจอดแต่ละที่ใช้เวลาไม่นาน ไอจะซื้อของกินที่ขึ้นมาขายก็มีเวลาไม่เยอะ แนะนำว่าใครจะซื้อ ก็รีบตัดสินใจเลย ส่วนเราซื้อหมี่ผัด ของดี(สถานี)ราชบุรี 2 กล่อง (กล่องละ 10บาท) เอาไว้กินตอนค่ำ เพราะขี้เกียจเดินไปเดินมาละ
กินหมี่ผัดกล่อง 10 บาท กับวิวพระอาทิตย์ตกตรงหน้าาาาา
มันอร่อยมากกกกกกกกกกกกกกกกกก น้าาาาาาาาาาาาาาาาาาา

6 โมงเย็นเป็นต้นไป เราสามารถขอให้คุณพี่เจ้าหน้าที่ๆดูแลตู้ของเรา ปรับเปลี่ยนเก้าอี้เราให้เป็นเตียงได้ แนะนำว่าถ้าเลือกได้ให้เลือกเตียงล่าง
เพราะมันชิวมากกกกกก เหมือนมีห้องเล็กๆๆของตัวเองที่มีวิวเปลี่ยนไปเรื่อยๆๆ
ชอบบบบบบบบบบบบบบบบ

ก่อนมาเราคิดไปว่า เราอาจจะนอนไม่หลับ เพราะความสั่นสะเทือนของรถไฟ
แต่ตัดภาพมาที่ความจริง เราหลับตั้งแต่ 2 ทุ่มเเลยจ้าาาาาาาาาา
ถึงหลับไม่สนิทมาก แต่ถือว่าหลับสบายเลยละ
รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนตี 5 ตอนที่ฟ้าใกล้จะสว่างแล้ว

การนั่งรถไฟครั้งนี้ทำให้เราได้เห็นทั้งพระอาทิตย์ตกและขึ้น
ถ้าเราไม่นั่งรถไฟกลับบ้าน เราคงไม่ได้เห็นวิวนี้
เราชอบความรู้สึกตอนนั่งรถไฟนะ ไม่ต้องจดจ่อกับเวลา ว่ามันจะถึงตอนไหน เราแค่นอนอ่านหนังสือสลับไปกับการมองวิวที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันชิลดีนะ

จริงๆรถไฟไทยไม่ได้แย่หรอก แค่บางครั้งเราต้องพยามมองหาข้อดีของการเดินทางนั้นให้ได้
และรถไฟใหม่ของไทยถือว่าดีมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ค่อนข้างตรงเวลา มาถึงช้ากว่ากำหนดเวลาแค่ 30 นาที ซึ่งถือว่าดีมากกกกกกกกกกแล้ว
ถ้าคนที่ไม่รีบร้อน ไม่รีบเร่ง เราว่ารถไฟเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ดีมากๆ ถึงแม้รถไฟจะใช้เวลานานกว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินเมื่อเทียบแล้วถือว่าเยอะมาก
แต่การเดินทางด้วยรถไฟ คืออิสระของผู้โดยสาร เราจะเดินไปไหนก็ได้ จะนั่ง จะนอนตอนไหนก็ได้
และการเดินทางด้วยรถไฟ การได้นั่งมองวิวข้างทางที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ มันทำให้เราค้นพบความสุขใจที่เครื่องบินให้เราไม่ได้
