ไป”เซี่ยงไฮ้”กับเรามั้ย
มีหลายคนอยากไปจีน แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มที่เมืองไหนดี เราขอแนะนำให้เริ่มที่เซี่ยงไฮ้ มหานครอันศิวิไลย์ของจีน แล้วคุณจะรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้อยู่จีน
ใครกำลังเดินทางไปเซี่ยงไฮ้แบบเรา แนะนำให้พุ่งตัวไปที่ Traveloka เลยจ้าาา โปรดี ราคาน่ารัก เขาจัดมาให้นักท่องเที่ยวแบบเราตลอดทั้งปี จะเดินทางทั้งที ตั๋วราคาดีดี๊ ช่วยให้นักหนีเที่ยวแบบเราสบายกระเป๋าไปเยอะ อย่ารอช้าพุ่งตัวไปเลยจ้าาาา
จองตั๋วเครื่องบินไปจีน https://www.traveloka.com/th-th/flight-to-china

ทุกๆปลายปีเราจะต้องมานั่งหาว่าปีใหม่ที่จะมาถึงเราจะไปเคาท์ดาวน์ที่ไหนดี และทริปนี้เราจะเดินทางไปกับแฟน โดยคุณแฟนมีโจทย์ว่าขอปลายทางที่เราสองคนยังไม่เคยไปด้วยกัน
เอาไงดี มีเวลาประมาณ 5 วัน ญี่ปุ่น ฮ่องกง ไต้หวัน สิงคโปร์ มาเลเซีย อินเดีย ก็ไปมาแล้ว จะให้ไปเกาหลีตอนปลายปีก็คงไม่ไหว เพราะมันคงหนาวสั่นแน่นอน คิดไปคิดมาอยากไปไกลๆก็อยากไป แต่เวลาที่มีมันก็ไม่ได้มากพอ
สุดท้ายยยยยยยยยย หวยก็ไปออกที่เซี่ยงไฮ้ เมืองหลวงของชาติมหาอำนาจใหม่อย่างจีน

ถึงแม้เราจะเป็นโรคกลัวจีน (ตั้งขึ้นมาเอง) และโรคนี้ค่อยๆจางลงเมื่อเราไปจีนมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังไงเซี่ยงไฮ้ก็ยังเป็นจุดหมายปลายทางที่เราบอกตัวเองว่าต้องไปให้ได้

ทริคควรรู้ก่อนไปเซี่ยงไฮ้
- คนไทยถือพาสปอร์ตไทย จะเดินทางไปจีนต้องขอวีซ่าด้วยนะ
- ประเทศจีนใช้เงินสกุลหยวน อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ประมาณ 5 บาท = 1หยวน
- หากต้องใช้ app แผนที่แนะนำให้ใช้ Apple Map จะแม่นยำกว่า
- เซี่ยงไฮ้มีคาเฟ่ ร้านกาแฟ อยู่เยอะมากกกก และราคากาแฟค่อนข้างแพง เริ่มต้นที่แก้วละ 120 บาท
- เซี่ยงไฮ้มีร้านอาหารสากลเยอะมาก และราคาอาหารก็แพงมากเช่นกัน
- ไม่จำเป็นต้องซื้อบัตรเติมเงินสำหรับ MRT ใช้ซื้อบัตรรายเที่ยวง่ายกว่าเยอะ
- ค่าเดินทางด้วย MRT ราคาถูก 3-4 สถานีแค่ 3 หยวน (15บาท)
- ร้านค้าต่างๆในเซี่ยงไฮ้ส่วนใหญ่จะมีพนักงานที่พูดภาษาอังกฤษได้ ไม่ต้องกลัวว่าจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ
- เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่เมืองที่เหมาะแก่การช้อปปิ้ง เพราะราคาสินค้านำเข้าค่อนข้างแพง แต่ที่เซี่ยงไฮ้มักจะมีรุ่นและสีมากกว่าบ้านเรา
- ร้านค้าส่วนใหญ่จะรับบัตรที่มีสัญลักษณ์ Union Pay แนะนำทำ ATM ของธนาคารกรุงเทพเลือกแบบ Union Pay
- เราสามารถกดเงินสดจากตู้ ATM ได้ ให้มองหาตู้ที่มีสัญลักษณ์ Visa หรือ Master ที่ตรงกับบัตรของเรา มีค่ากด 100 บาท/ครั้ง และตู้ที่กดง่ายแนะนำของ China Bank และ ICBI
- ที่พักในเซี่ยงไฮ้ราคาไม่แพงอยู่นอกเมืองหน่อย แต่มีหลายแห่งอยู่ใกล้รถไฟฟ้า แนะนำให้เลือกที่ www.trip.com
- หากต้องการไปเที่ยวยังสถานที่ต่างๆ เช่นตึก Shanghai Tower หรือ Disneyland ให้ซื้อตั๋วไปจากไทย เพราะประหยัดเวลาในการต่อคิวซื้อตั๋วได้เยอะมาก เราแนะนำ https://www.klook.com/th/
Visa
คนไทยที่ถือพาสปอร์ตไทย จะเดินทางไปจีนต้องขอวีซ่านะคะ เราเคยเขียนวิธีการขอวีซ่าเอาไว้อย่างละเอียด https://atomic-temporary-130982213.wpcomstaging.com/2017/10/10/how-to-visa-
Internet
ใครจะมีจีนต้องกังวลแน่ๆว่าไปจีนจะเล่นโซเชี่ยวไม่ได้ ไม่ต้องกังวลไปเลยค่ะ เพราะทริปนี้เราทดลองมากับตัวและเอาข้อมูลมาให้ทุกคนได้เลือกกันตามความเหมาะสม
- ซื้อซิมจากไทย : เราเลือกซิมจากค่ายทรู ราคา 399 บาท ใช้งานได้ 5 GB 8 วัน อันนี้เราสามารถซื้อได้ที่สนามบิน หรือ เซเว่น – ส่วนการใช้งานมีช่วงที่เน็ตหาย ใช้งานไม่ได้ เน็ตไม่เร็วเหมือนเอาไปใช้ที่จีนเมืองอื่น แต่ไม่ต้องโหลด VPN นะ
- ซื้อซิมจีนที่สนามบิน : เราไม่รู้ค่ายเหมือนกัน แต่ราคา 1200 บาท ใช้งานได้ไม่อั้น 10 GB ใช้งานได้ 1เดือน อันนี้ซื้อได้ที่สนามบินเซี่ยงไฮ้ตรงที่มีคนมารอรับผู้โดยสารขาเข้านะ – การใช้งาน เน็ตเร็วมากกกกก ไม่ติดขัดเล่นได้ตลอด ใครจะเล่นโซเชี่ยวต้องโหลดแอป VPN พนังงานจะช่วยโหลดให้เราค่ะ

แลกเงิน
เงินสกุลจีน 1 หยวน ประมาณ 5 บาท
ปกติเวลาที่จะเดินทางเรามักจะแลกเงินจากร้านแลกเงินสีเขียว แต่สนามบินดอนเมืองไม่มีเจ้านี้ แถมเราก็ไม่มีเวลาจะไปแลกมาก่อนด้วย เลยแลกที่บูทธนาคารไทยพาณิชย์ อัตราแลกแพงหน่อย แต่ก็แลกเท่าที่จำเป็นไปค่ะ เพราะเรามีบัตร atm ที่มีสัญลักษณ์ union pay เลยคิดว่าจะไปรูดหรือกดเอา
- บัตรเครดิต หรือ เดบิท ที่มีสัญลักษณ์ union pay สามารถรูดได้ทุกร้านค้าในจีน
- ATM ที่มีสัญลักษณ์ visa/master สามารถกดเงินที่ตู้ atm ที่มีสัญลักษณ์ตรงกับบัตรเราได้ง่ายๆเลยค่ะ แต่มีค่ากด 100 บาท/ครั้ง

Hotel
ทริปนี้เราใช้เวลาในการเลือกโรงแรมนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก เพราะเราเดินทางช่วงปีใหม่ โรงแรมแพงมากกกกกกก เรามีเกณฑ์ในการเลือกโรงแรมอยู่ 3 อย่าง คือ 1.ห้องสบายกำลังดี 2. ต้องอยู่ใกล้รถไฟฟ้าที่พอเดินถึง 3. ราคาไม่เกินคืนละ 2000 บาท
ใครที่จะเดินทางไปประเทศจีน เราแนะนำว่าให้ใช้ app : trip หรือ www.trip.com ในการจองโรงแรมจะดีมากกกก เพราะว่าโรงแรมมีให้เลือกเยอะมากกก แถมราคาถูกกว่าผ่านช่องทางอื่นๆด้วยนะ
ในที่สุดเราก็หาเจอโรงแรมที่เหมาะสมกับเราในทริปนี้ Tuke China Hotel
เราพักที่นี่ทั้งหมด 4 คืน ราคารวมแล้ว 5722 บาท ตกแค่คืนละ 1430 บาท/2คน
อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า Jiashan Road (ทางออก5) แค่ 350 เมตร
ทำเลดีมากกกกกกกกกกก คุ้มค่ามากกกกก ใกล้ Family Mart
อ่านรีวิวเกี่ยวกับโรงแรมแบบละเอียดได้ที่ : https://diaryoftravelbylidear.wordpress.com/2019/01/20/tuke-china-hotel-shanghai-



การเดินทางจากสนามบินเข้า-ออกจากเมือง
เดินทางจากสนามบินเข้าเมือง
เนื่องจากทริปนี้เราเดินทางด้วยสายการบิน Thai Lion Air ซึ่งไปถึงสนามบินเซี่ยงไฮ้ ฟู่ตง ก็ดึกแล้ว รถไฟจะเข้าเมืองหมดแล้ว เราเลยใช้วิธีจองรถผ่านทาง https://www.klook.com/th/เราจองสำหรับเข้าเมืองแค่ขาเดียว ราคา 1300 บาท
โดยจะมีคนมารับเราพร้อมกับพิมพ์ป้ายชื่อ (ไม่ต้องกลัวหาไม่เจอค่ะ) ซึ่งคนขับที่มารับเรา น่ารักมาก บริการช่วยเหลือดีมากค่ะ นั่งรถประมาณ 1 ชั่วโมงรถก็มาจอดหน้าโรงแรมที่เราจองไว้
ใครที่จะเข้าเมืองตอนดึกแบบเรา หรือมีผู้ใหญ่ หรือเด็กเล็ก เราว่าใช้บริการนี้ดีเลยค่ะ



การเดินทางจากเมืองเข้าสนามบิน
ขากลับจากในเมืองเราใช้วิธีเดินทางไปยังสนามบินด้วยรถไฟ Maglev รถไฟความเร็วสูงที่ใช้เวลาเดินทางจากต้นทางถึงปลายทางแค่ 8 นาที
สำหรับขาเข้าสนามบินเราจะต้องมาขึ้นรถไฟที่สถานี Longyang เมื่อมาถึงแล้วให้มองหาป้าย Maglev Train สีเขียวๆ จะต้องเดินออกมาด้านนอกสถานีและให้มองหาบันไดเลื่อนทางขึ้นที่อยู่ใกล้กับ Mcdonald

ค่าเดินทางด้วยรถไฟ Maglev จะอยู่ที่เที่ยวละ 50 หยวน หรือ ประมาณ 250 บาท ใครจะถือแบบไป-กลับก็จะประหยัดกว่า เราสามารถจ่ายด้วยเงินสด หรือบัตรที่มีสัญลักษณ์ union pay



เมื่อได้ตั๋วมาแล้ว เราก็แค่ขึ้นมารอรถไฟที่ชานชลาค่ะ เมื่อรถไฟมาก็ต้องรอให้ผู้โดยสารที่มาจากสนามบินออกจากรถให้หมดก่อน แล้วจะมีพนักงานมาเปิดรั้วกั้นให้
และจากนั้นก็ใช้เวลาแค่ 8 นาทีเราก็มาถึงสนามบินแล้ว



เราแนบเวลาของรถไฟ Maglev มาให้ด้วยนะคะ เผื่อใครที่ไม่แน่ใจว่าตอนที่ตัวเองจะเดินทางจะสามารถใช้บริการรถไฟ Maglev เข้า-ออกสนามบินได้มั้ย

การเดินทางภายในเมือง (MRT)
การเดินทางในเซี่ยงไฮ้เราสามารถทำได้หลายวิธี แต่วิธีที่ง่ายและราคาประหยัดก็คือ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน เหมือนกับเมืองใหญ่ๆทั่วโลก ซึ่งราคาค่า mrt เซี่ยงไฮ้ ถือว่าค่อนข้างถูก นั่งประมาณ 3-4 สถานี ราคาอยู่ที่ประมาณ 3 หยวน หรือ 15 บาท เท่านั้นเอง
ประเภทซื้อตั๋ว MRT
มี 2 ตัวเลือก
- บัตรเติมเงิน (คล้ายๆบัตร rabbit บ้านเรา) ราคา 100 หยวน แต่จะสามารถใช้เงินด้านในแค่ 80 หยวน อีก 20 หยวนเป็นค่าประกันบัตร จะได้คืนเมื่อนำบัตรไปคืน
- บัตรรายเที่ยว คือจะต้องซื้อทุกครั้งที่เดินทาง ซึ่งเราแนะนำเป็นบัตรแบบนี้มากกว่า สะดวก ซื้อก็ไม่ได้ยุ่งยาก แทบจะไม่เคยต้องรอแถวเลย
วิธีการซื้อตั๋ว MRT รายเที่ยว
- โหลด app : mrt Shanghai เพื่อที่เราจะได้เช็คได้ว่าจุดหมายปลายที่เราต้องการจะไปนั้นราคาเท่าไร
- กรอกต้นทาง – ปลายทางที่เราต้องการเดินทางไป
- app จะคำนวนเส้นทาง สาย mrt ที่เราจะต้องไป พร้อมกับบอกราคาค่าโดยสารมาด้วย



4. เมื่อรู้ราคาค่าโดยสารที่เราจะต้องจ่ายแล้ว ขั้นตอนต่อไปก็คือการไปกดตั๋วจากตู้อัตโนมัติ ซึ่งหน้าแรกของตู้อัตโนมัติ จะมีแผนผังรถไฟฟ้าและด้านข้างเป็นตัวเลขราคาค่าโดยสาร ซึ่งเราแทบจะไม่ต้องเปลี่ยนภาษาเลย แค่จิ้มค่าโดยสารที่เราต้องการ

5. จากนั้นหน้าจอจะเปลี่ยนให้เราจิ้มจำนวนผู้โดยสาร แล้วก็หยอดเหรียญหรือแบงค์ตามราคาลงไปได้เลยค่ะ ตู้รับแบงค์สูงสุดแค่ 50 หยวน

6.แล้วเราก็จะได้ตั๋ว mrt ที่เราต้องการมา แค่นั้นเองงงงง เดินทางสัก 2-3 เที่ยว รับรองคล่องค่า ซื้อง่ายกว่าที่โตเกียวอีกนะจะบอกกก

Day 1
เช้านี้เราตื่นขึ้นมาพร้อมเริ่มทริปใหม่และเป็นทริปสุดท้ายของปี 2018
เช้าวันนี้พยากรณ์อากาศบอกว่า ไม่หนาวมาก เรายังสามารถใส่โค้ชตัวเก่งออกมาเดินเที่ยวเล่นได้
ทริปนี้เราตั้งใจจะอยู่แค่ในเซี่ยงไฮ้ เพราะอยากให้เป็นทริปชิลๆที่ได้ละเมียดละไมชมเมืองไปเรื่อยๆ จะได้ค่อยๆทำความรู้จักเซี่ยงไฮ้ไปทีละนิด
ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักล่วงหน้าไว้เลยนะเซี่ยงไฮ้
หวังว่าเราและนายจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันนะ

Starbucks Reserve Roastery
Shanghai Roastery สาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก (ตอนนี้) บนพื้นที่ 2 ชั้น รวม 29,000 ตารางฟุต หรือประมาณสนามฟุตบอล 1 สนาม ใช้พนักงานทั้งหมด 400 คน
วิธีการเดินทาง : West Nanjing Road ทางออก 11


บรรยากาศภายในคึกคักมากกกกกกกกกก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นนักท่องเที่ยวที่ผลัดกันมาเช็คอินตลอดทั้งวัน
จริงๆ Starbuck มีสาขาในเซี่ยงไฮ้เยอะมากกกกกกกก เยอะเป็นดอกเห็ดเลยจ้าาาาา แต่ไหนๆก็มาเซี่ยงไฮ้จะไม่มาแวะสาขาใหญ่ที่สุดในโลกก็ม่ายด้ายยยยยยยย




ส่วนที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวหลายๆคนมาเช็คอินที่สาขานี้ เพราะที่นี่มีส่วน Roasting Area ขนาดใหญ่ เป็นบริเวณที่โชว์การคั่วอย่างเต็มระบบเพื่อนำเมล็ดกาแฟมาใช้ในร้าน


และอีกส่วนที่เราชอบมาก็คือโซนขายของ Souvenir แต่ละอย่างทำเอาเราอยากได้ไปหมด แต่ก็มีสิ่งที่มาหยุดเอาไว้นั้นก็คือ ราคา !! แรงเหลือเกินนนนนนนนนนนน





สุดท้ายไหนๆก็มาแล้ว ต้องสั่งกาแฟมาชิมกันหน่อย แต่เช้าวันนี้อาการหนาว ลมแรง เราขอปลอบใจตัวเองด้วย คาปูชิโน่เย็น และ ช็อกโกแลตร้อน ในคราวเดียวกันไปเลย จริงๆก็อยากสั่งกาแฟที่มันมากกว่าคาปูชิโน่นะ แต่คนเยอะมากกกกกกกกกก ไม่ไหว สู้ไม่ไหว สั่งธรรมดาก็ดั้ยยยยยย
กาแฟมื้อนี้ สนนราคาอยู่ที่ 135 หยวน หรือ 675 บาทจ้าาา
บางทีก็สงสัยนี่เราอยู่จีนหรือนิวยอร์กนะ แพงเหลือเกิ้นนนนนนนน




Sumerian Coffee
ร้านกาแฟคุณภาพสำหรับคอกาแฟที่แท้จริง นอกจาก Sumerian จะเป็นร้านกาแฟที่มีกาแฟคุณภาพดีแล้วนั้น ที่ร้านยังมีเมล็ดกาแฟที่คัดสรรเอง คุณภาพเหมาะกับคนรักกาแฟอย่างแท้จริง
เราชอบร้านนี้ทั้งกาแฟรสชาติดี คุ้กกี้อร่อยมากกกก ตัวร้านเท่มากด้วยนะ ร้านตกแต่งแบบแคลิฟอร์เนีย ภายในร้านมีที่นั่งไม่มาก (วันที่ไปคนเต็มด้วย)
เอาเป็นว่าใครมาเที่ยวเซี่ยงไฮ้ แถมเป็นคอกาแฟ ควรแวะมาจิบกาแฟเท่ๆ ที่ Sumerian นะ
วิธีการเดินทาง : West Nanjiang Road ทางออก1 เดินต่ออีกประมาณ 15 นาที


Disney Store
Disney Store แห่งนี้อยู่ใจกลางย่าน Lujiazui โดยจะอยู่ระหว่างหอคอย Oriental Pearl Tower และ ตึก Super Brand Mall
ด้านหน้าจัดสวนเป็นรูปมิกกี้เมาส์ ซึ่งจะเปลี่ยนดอกไม้ไปตามฤดูกาล และหอนาฬิกาขนาดใหญ่แบบเดียวกับที่ตั้งอยู่ภายในสวนสนุกดิสนีย์แลนด์เซี่ยงไฮ้
ใครที่ไม่ได้ไปดิสนีย์แลนด์เซี่ยงไฮ้แบบเรา แวะมาเดินดูสินค้าที่ดิสนีย์ สโตร์แทนก็ได้นะคะ
วิธีการเดินทาง : MRT Luijazui ทางออก 1


เราแนะนำว่าให้มาช่วงค่ำ เพราะที่นี่จะเปิดไฟสวยมากกกกกกกกกกกก




ภายในร้านค่อนข้างกว้าง ขายสินค้าหลากหลาย เราว่าที่นี่ขายตุ้กตาค่อนข้างเยอะ แถมน่ารักกว่าดิสนีย์สโตร์หลายๆประเทศที่ไปมา แต่ราคาสินค้าก็จะสูงหน่อยนะ แต่ความน่ารักคุ้มค่าแน่นอน




บริเวณสถานี Lujiazui
ไหนๆก็มาดิสนีย์ สโตร์ แล้วเราขอแวะถ่ายรูปเล่นด้วยเลยแล้วกัน (แต่วันที่ไปอากาศหนาวมากกกก ถ่ายมาได้น้อยนิด)
ย่านสถานี Lujiazui เป็นอีกย่านที่สำคัญของเซี่ยงไฮ้ เพราะบริเวณนี้เต็มไปด้วยตึกสำคัญๆต่างๆไม่ว่าจะเป็น SWFC (ตึกที่เปิดขวด) Jin Mao Tower (ตึกรูปทรงคล้ายเจดีย์) Shanghai Tower และอีกเยอะมากกกกกกกกกกก
ใครมาย่านนี้เราแนะนำว่าควรมาช่วงค่ำ เพราะที่นี่จะเปิดไฟสวยมากกกก เหมาะแก่การมาเดินเล่นยามค่ำคืน









Shanghai Street
ทุกครั้งที่เราได้เดินทางไปยังเมืองใหญ่ๆ สิ่งที่เราชอบมากกกกกคือการได้เดินดูเมือง ได้ถ่ายรูปไปตามถนนต่างๆของเมืองนั้น
เซี่ยงไฮ้ เป็นอีกเมืองที่ถนนสวยมากกก ถนนเกือบจะทุกเส้น จะมีต้นไม้ใหญ่อยู่ตลอดเส้น เราว่าเซี่ยงไฮ้ทำผังเมืองออกมาได้สวยมากจริงๆค่ะ







ยินดีที่รู้จักเซี่ยงไฮ้
วันแรกที่เราได้สัมผัสเซี่ยงไฮ้ เซี่ยงไฮ้ไม่เหมือนที่จินตนาการไว้ เมืองนี้สวยมากกกก สวยเกินกว่าจะเชื่อว่าเราเดินอยู่ในประเทศจีน แค่วันนี้วันแรกเราก็บอกได้เลยว่าเซี่ยงไฮ้ เป็นมหานครที่ควรมาสักครั้งในชีวิต เราเริ่มหลงรักเซี่ยงไฮ้ตั้งแต่วันแรกเข้าแล้ว

Day 2
พยากรณ์อากาศบอกเราว่า ฝนจะตกตลอดทั้งวัน เราเลยต้องใส่เสื้อผ้าที่หนาเพื่อให้ความอบอุ่นกับร่างกายให้พอ
วันนี้เรายังคงจะละเมียดละไมในการทำความรู้จักกับเซี่ยงไฮ้ไปเรื่อยๆเหมือนเดิม

Cafe Chez W
คาเฟ่เล็กๆที่น่ารักที่สุดในเซี่ยงไฮ้ (เท่าที่เราไปมาทั้งหมด) เป็นคาเฟ่ที่ให้ความรู้สึกเหมือนเราอยู่ญี่ปุ่นก็ไม่ผิด คาเฟ่แห่งนี้เป็นบ้านขนาดสองชั้นหนึ่งคูหาที่มีหน้าตาน่ารัก
คาเฟ่แห่งนี้อยู่ในย่านสถานีรถไฟฟ้า South Shaanxi ซึ่งเราต้องเดินต่ออีกประมาณ 15 นาที แต่คุ้มค่ากับการเดินแน่นอน เรารับรองงงง ใครต้องการเข้าไปดูความน่ารักของร้านแนะนำให้ดูในไอจี @cafechezw
วิธีการเดินทาง : South Shaanxi ทางออก1 เดินต่ออีก 15 นาที


ภายในร้านมีที่นั่งทั้งสองชั้น ชั้นล่างเป็นพื้นที่เล็กๆแต่อบอวลไปด้วยความอบอุ่น ส่วนชั้นบนเราว่าที่ร้านตกแต่งออกมาได้น่ารักมากกกกก



เจ้าของร้านทำหน้าที่ทั้งดูแลร้าน บาริสต้า ทำขนม เอาเป็นว่าทุกอย่างของร้าน และที่สำคัญเจ้าของร้านพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยนะ

นอกจากร้านจะน่ารักมากแล้ว กาแฟและคุ้กกี้อร่อยมากกกกกกกกกกกก ใครไม่กินกาแฟ ช็อกโกแลตร้อนก็อร่อยนะ


ใครมาเซี่ยงไฮ้ เราแนะนำว่าควรมา Cafe Chez W ให้ด้ายยยยยย

17 Cafe
ปากซอยก่อนที่เราจะถึง Café Chez W เราจะเจอกับคาเฟ่อีกแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า 17 cafe
ภายในร้านมีสองชั้น คือชั้นหนึ่งและชั้นใต้ดิน ที่จะมีการตกแต่งเปลี่ยนธีม ไปทุก 3 เดือน เพื่อให้ลูกค้าลงไปถ่ายรูปเล่นได้ แต่วันที่เราไปมีลูกค้าของร้านอยู่เต็มเลยอดถ่ายรูปมา
วิธีการเดินทาง : South Shaanxi ทางออก1 เดินต่ออีก 15 นาที



ร้านนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะกาแฟอร่อยมากกกกกกกกกกกกกก มีเมนูภาษาอังกฤษนะ และเราอยากจะบอกว่ากาแฟคาเฟ่แห่งนี้เป็นกาแฟที่เราชอบมากกกกกกกกกกที่สุดของทริปเซี่ยงไฮ้

Taco Bell
หากใครเคยมาประเทศจีนเมืองอื่นมาก่อน จะรู้ว่าเซี่ยงไฮ้เป็นเมืองที่มีค่าอาหารแพงมากกก เมื่อเทียบกับเมื่องอื่นๆในประเทศ แต่ด้วยค่าครองชีพในมหานครแห่งนี้ นักท่องเที่ยวอย่างเราก็ต้องเตรียมตัวรับมือให้ดี
Taco Bell อาหารฟาสฟูดส์สไลต์เม็กซิโก สัญชาติอเมริกาเจ้านี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีสำหรับนักท่องเที่ยวแบบเรา ในมื้อที่ต้องการเซฟค่าอาหารและต้องการอิ่มท้องไปพร้อมกัน
Taco Bell มีสาขาอยู่ทั่วเซี่ยงไฮ้และมีเมนูภาษาอังกฤษ


Shopping in Shanghai
จากการได้สัมผัสเซี่ยงไฮ้มาสองวัน ทำให้เรารู้ว่าเซี่ยงไฮ้ไม่ใช่เมืองที่เหมาะสำหรับขาช้อปสักเท่าไหร่นัก เพราะราคาของในเซี่ยงไฮ้นั้นค่อนข้างแพงมากกก เหมือนกับเมืองหลวงอื่นๆของโลก แต่เซี่ยงไฮ้มีความพิเศษตรงที่ว่า ที่นี่อาจจะมีรุ่น สี หรือ ไซต์มากกว่าที่อื่น ดังนั้นเราแนะนำว่า ใครที่มาเที่ยวเซี่ยงไฮ้ และต้องการที่จะมาช้อปปิ้ง หรือ ซื้อสินค้าแฟชั่นอะไรสักชิ้น ขอให้เช็คราคามาก่อน จะได้เปรียบเทียบได้
ใครมองหา Adidas เราแนะนำสาขา Eats Nanjing เพราะมีสาขาใหญ่ที่สุดและพนักงานพูดภาษาอังกฤษได้มากที่สุด




Shanghai Street
การเดินทางในเซี่ยงไฮ้ นอกจากที่เราจะใช้ MRT เดินทางเป็นหลักแล้ว อีกหนึ่งวิธีที่เราใช้ในทริปนี้ก็คือการเดิน เราเดินเพื่อจะได้ทำความรู้จักเซี่ยงไฮ้ไปเรื่อยๆ และเมื่อเรายิ่งเดิน เราก็ยิ่งหลงรักเซี่ยงไฮ้มากขึ้นทุกที












เซี่ยงไฮ้วันที่สอง
ก่อนออกจากห้องวันนี้ พยากรณ์อากาศบอกเราว่า ฝนจะตกตลอดทั้งวัน แต่ป่าวเลยไม่มีฝนตก กลับมีหิมะที่โปรยปรายลงมาแทน
วันนี้เป็นวันที่สองที่เราทำความรู้จักเซี่ยงไฮ้ ตลอดเวลาที่เดินเที่ยว ตามหาคาเฟ่ดีๆที่แอบซ่อนอยู่บนถนนสายต่างๆ เซี่ยงไฮ้ก็ทำให้ผู้หญิงที่อ่อนไหวง่ายแบบเรา หลงรักหนักขึ้นไปอีก
เซี่ยงไฮ้มีเสน่ห์บางอย่าง มันเป็นเสน่ห์ที่เราอยากบอกว่าชีวิตนี้คุณควรมาสัมผัสมัน แล้วคุณจะเข้าใจ เพราะเราไม่สามารถที่จะอธิบายออกเป็นคำพูด หรือประโยคบอกเล่าได้ดีเท่าที่รู้สึกหรอก

Day 3
วันที่สามของการทำความรู้จักเซี่ยงไฮ้ และวันสุดท้ายของปี 2018
วันนี้พยากรณ์อากาศยังคงบอกเราว่า อากาศจะหนาวกว่าเดิม
ความจริงแล้ว เซี่ยงไฮ้ไม่ใช่เมืองที่เหมาะแก่การเคาท์ดาวน์ปีใหม่หรอก เพราะว่าแต่ละปีรัฐบาลจีนอาจจะจัดหรือไม่จัดงานเคาท์ดาวน์ก็ได้ ไม่แน่นอน และอีกอย่างคือเซี่ยงไฮ้เคยมีข่าวคนเหยียบกันตายช่วงคืนเคาท์ดาวน์อีกด้วยนะ เพราะมวลมหาประชาชนจีนนั้นเยอะมากจริงๆๆๆๆ
ดังนั้นเรามาเซี่ยงไฮ้ในครั้งนี้เราไม่ได้มาเพื่อเคาท์ดาวน์เราจึงไม่อาจจะพาทุกคนไปชมงานเคาท์ดาวน์ได้ แต่เรามาเพื่อทำความรู้จักมหานครอีกแห่งหนึ่งของโลกก็เท่านั้น

Aunn Cafe & Co.
คาเฟ่เท่ๆที่อยู่ในย่านวัด Jing’an (ร้านตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับวัด Jing’an เดินข้ามถนนมาก็ถึงเลย)
เป็นคาเฟ่ขนาดใหญ่ ที่มีพื้นที่ให้เลือกนั่งเยอะมากกก แต่ก็มีลูกค้าเยอะเช่นกัน เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่กาแฟอร่อย บาริสต้าน่ารัก แนะนำให้ควรมาเช็คอินที่นี่
วิธีการเดินทาง : MRT : Jing’an Temple ทางออก 1 ลอดสะพานข้ามถนนมาก็จะถึง




niiice cafe
คาเฟ่ที่สองของวันนี้ที่เราเจอด้วยความบังเอิญ คาเฟ่เล็กๆที่อยู่ในโรงแรมแห่งหนึ่ง ก่อนที่จะถึงโรงแรมที่เราพัก เราสะดุดตากับคาเฟ่แห่งนี้เพราะมีป้ายบอกไว้ด้านหน้าว่าเปิด 24 ชม.
คาเฟ่เล็กๆที่เราไม่ได้คาดหวังกับรสชาติของกาแฟแต่อย่างใด แต่กลับทำให้เราเซอร์ไพร์มากกก เพราะเราลองสั่งเมนูชื่อ Hazelnut Latte อร่อยมากกกกก กาแฟหอมมมมากกก ใครที่แวะผ่านมาแถวสถานีรถไฟฟ้า Jiashan Road
วิธีการเดินทาง : MRT : Jiashan Road ทางออก 5 ก่อนถึงโรงแรม Tuke China Hotel



Chenghuang Miao (เฉิงหวงเมี่ยว)
เรารู้จักเฉิงหวงเมี่ยวครั้งแรกจากการเห็นรูปในอินสตาแกรม
เฉิงหวงเมี่ยว หรือ ที่คนไทยมักเรียกว่า เฉินหวังเมี่ยว ที่นี่เป็นตลาดเก่ากว่าร้อยปี เป็นอาคารไม้เก่าแก่สถาปัตยกรรมแบบจีนรวมอยู่หลายหลัง ที่นี่เหมาะกับการมาเดินเที่ยว ถ่ายรูปเล่นและมองหาของฝากราคาย่อมเยาว์
แต่ที่นี่ไม่ว่าเวลาไหน ช่วงใด มวลมหาประชาชนจีนเยอะมากกกกกกก ใครที่ไม่ชอบคนเยอะๆ ก็ทำใจไว้เลยค่ะ
วิธีการเดินทาง : MRT Yuyuan Garden ทางออก 1 เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที








ใครมาเดินเที่ยวที่นี่ เราแนะนำเนื้อแกะย่าง ไม้ละ 15-20 หยวน จะราดหม่าล่าเพิ่มก็จัดไปตามชอบเลยค่ะ

และเราได้เจอกับร้านที่มีชื่อภาษาไทยว่า “ฉันยุ่งมาก” เป็นร้านขายน้ำมะม่วงปั้น ที่มีสาขาอยู่เยอะแยะไปหมด และแต่ละสาขาก็อาจจะสะกดชื่อถูกบ้างผิดบ้าง บางสาขาก็ทำเอาคนไทยอย่างเราก็ยังอ่านไม่ออกเลยทีเดียว

Shanghai Tower
เซี่ยงไฮ้ทาวเวอร์สูง 632 เมตร มีทั้งหมด 127 ชั้น (ยังไม่รวมชั้นใต้ดินอีก5ชั้น) เป็นตึกที่สูงที่สุดในประเทศจีน และสูงเป็นลำดับที่สองของโลก รองจากตึก Burj Khalifa ของดูไบ
ตึกส่วนใหญ่ที่อยู่ในย่านสถานีรถไฟฟ้า Lujiazui ล้วนแต่เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวได้เกือบทุกตึกเลย แต่ไหนๆเราก็มาซี่ยงไฮ้แล้ว เลยขอขึ้นไปชมวิวมุมสูงตึกที่สูงที่สุดแล้วกันเนอะ
Shanghai Tower เปิดให้นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปชมวิวได้ที่ชั้น 118 หรือใครอยากจะขึ้นไปสูงกว่านั้นก็ได้นะ เพราะชั้นสูงสุดอยู่ที่ชั้น 120-121 จะเป็นร้านอาหาร (แต่เราไม่ได้ขึ้นไป คนเยอะมากกกก)
ใครมาเซี่ยงไฮ้เราแนะนำว่าควรจะขึ้นมาชมวิวมุมสูงของเซี่ยงไฮ้สักครั้ง มันเป็นประสบการณ์ที่ดีอีกอย่างหนึ่งมากๆของการเดินทาง







ซึ่งใครที่จะขึ้นไปชมวิวตึกต่างๆ เราแนะนำว่าควรที่จะซื้อตั๋วไปตั้งแต่อยู่ไทย เพราะหากจะไปซื้อที่หน้างานละก็ …. แถวยาวมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เสียเวลาเป็นวันแน่ๆ
ซึ่งเราใช้บริการผ่าน https://www.klook.com/th/จากนั้นก็แค่ปริ๊น voucher แลวมากดตั๋วจริงจากเครื่องอัตโนมัติ ซึ่งไม่ต้องห่วงค่ะ เพราะมีพนักงานช่วยเหลือเราทุกขั้นตอน แทบไม่ต้องใช้คำพูดในการสื่อสารเลย
ค่าเข้าชมราคา : 180 หยวน (สำหรับผู้ใหญ่) 90 หยวน (สำหรับนักเรียนและผู้สูงอายุ)
วิธีการเดินทาง : MRT : Lujiazui ทางออก 6 เดินต่ออีกประมาณ 500 เมตร


ตู้กดน้ำส้มคั้น
ถ้ามีใครพูดว่าจีนไม่พัฒนา เราคงเป็นคนหนึ่งที่เถียงคอเป็นเอ็นแน่นอน
จีนมีทุกอย่างที่คุณจะนึกออกและก็มีทุกอย่างที่คุณก็นึกไม่ออกแน่ๆ
เราเจอตู้กดน้ำส้มคั้นครั้งแรกตอนไปคุนหมิง ตอนนั้นก็ไม่มีโอกาสได้ลอง เพราะยังไม่เชื่อใจจีนมากเท่าไหร่นัก (ก็พึ่งเคยมาจีนครั้งแรกนี่หน่า) และเราก็เจอตู้กดน้ำสั้มคั้นแบบเดียวกันอีกครั้งตอนมาเซี่ยงไฮ้ ไหนๆคราวนี้ก็มาจีนรอบที่สามแล้วก็ลองหน่อยเถอะ
เจ้าตู้กดน้ำส้มคั้นนี้ราคาน้ำส้มอยู่ที่แก้วละ 15 หยวน หรือประมาณ 75 บาท ซึ่งเมื่อเราหยอดเหรียญลงไปแล้ว ตู้ก็จะทำการคั้นน้ำจากส้มเป็นลูกๆให้เราเลย คือได้กินน้ำส้มคั้นสดๆกันเลย
ส่วนรสชาตนั้นเราว่าก็ไม่เลวร้ายนะ แต่เพราะแก้วที่เราได้เป็นส้มที่คุณภาพไม่ดีมากเท่าไหร่มั้ง เอาเป็นว่าใครมาจีนก็ควรลองสักครั้งหนึ่งนะ

Shanghai Street
วันสุดท้ายของปี เป็นวันที่คนจีนออกมาเที่ยวกันมากกว่าทุกวัน
วันนี้เป็นวันสุดท้ายของปีอีกหนึ่งปีที่เราเดินเล่นอยู่นอกบ้านและนอกประเทศที่ตัวเองเกิดมา มันก็สนุกดีนะ กับการได้เป็นแค่จุดเล็กๆของโลกใบนี้ ไม่ได้สำคัญอะไรมากมาย ทุกอย่างก็ยังคงหมุนวนไปตามวิถีของมัน เพียงเราแค่เป็นจุดๆหนึ่งของโลกเท่านั้นเอง










Bye Bye 2018
วันสุดท้ายของปีกำลังจะผ่านไป
เราใช้เวลาในวันนี้ไปกับคนข้างๆที่อยู่ในสถานะคนรู้ใจกันมาเข้าปีที่ 7 ทะเลาะกันบ้าง งอลกันบ้าง ดีกันบ้าง ตามประสาคนที่รู้จักกันมานาน แต่ต้องขอบคุณเขาคนนี้ที่ยินดีจะเดินทางไปกับเราทุกที่ๆตัวเรานั้นอยากจะไป ขอบคุณที่ออกไปเห็นโลกพร้อมกันในหลายๆครั้งที่ผ่านมา
ขอบคุณวันเวลาที่ผ่านไปที่ทำให้ความทรงจำในวันที่ทั้งทุกข์และสุขของเราในปี 2018 นั้นเป็นอีกปีที่มีค่าในชีวิต ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านเรื่องราวการเดินทางของผู้หญิงคนนี้
ขอบคุณนะคะ


Day 4
วันนี้เป็นวันที่สี่แล้วที่เราเริ่มทำความรู้จักเซี่ยงไฮ้
วันนี้คือวันแรกของปี 2019 และเป็นอีกหนึ่งปีที่เราตื่นขึ้นมาในเมืองที่ไม่คุ้นเคย
ยิ่งรู้จักเซี่ยงไฮ้ ยิ่งทำให้เรารู้สึกได้ว่าเซี่ยงไฮ้นั่นมีเสน่ห์มากกกกก เหมือนผู้ชายตาตี๋ ผิวขาว ภายนอกก็สมาร์ทไม่ต่างกับผู้ชายหล่อคนอื่นๆ แต่ยิ่งรู้จักยิ่งทำให้เรารู้ว่าผู้ชายคนนี้มีอะไรน่าค้นหาอีกมากมาย
เราไม่แน่ใจว่าควรมีเวลากี่วันถึงจะทำความรู้จักเซี่ยงไฮ้ได้มากพอ

S.ENGINE COFFEE
คาเฟ่เท่ๆที่มีอยู่หลายสาขาทั่วเซี่ยงไฮ้ แต่เราอยากแนะนำสาขาใกล้ Xintiandi
S.ENGINE COFFEE เราชอบการออกแบบตกแต่งภายในร้านมากกกกก ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่ร้านสวยนะ เพราะมีกาแฟหลากหลายให้เลือกชิม กาแฟ drip ขนมเค้กหน้าตาน่ารัก เยอะแยะไปหมด และที่สำคัญกาแฟอร่อยไม่ผิดหวัง
วิธีการเดินทาง : MRT : South Huangpi Road ทางออก 2 เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที อยู่ตรงข้ามกับโครงการ Xintiandi



















% Arabica Coffee
กาแฟที่มีโลโก้ % อันคุ้นตา และเราก็ขอเรียกว่า กาแฟ % ละกันเนอะ
Arabica Coffee กาแฟสัญชาติญี่ปุ่นที่กำลังโด่งดังในตอนนี้ ปัจจุบันกาแฟ % ได้ขยายสาขาไปยังหลายๆประเทศ (คาดว่าในอนาคตต้องมีประเทศไทยแน่ๆ)
ปัจจุบันกาแฟ % มีอยู่ 3 สาขาในเซี่ยงไฮ้ แต่เราแนะนำสาขา Arabica Shanghai Roastery สาขาที่อยู่ใกล้กับ The Bund ใครมาเซี่ยงไฮ้ เราแนะนำว่าควรแวะมา
กาแฟ % ไม่ได้ดังเพียงอย่างเดียว เพราะว่ากาแฟก็อร่อยมากด้วยนะ แต่ขอแนะนำว่าให้ไปตั้งแต่ร้านเปิด เพราะคุณอาจจะต้องรอกาแฟนานถึง 2 ชั่วโมงแบบเรา
วิธีการเดินทาง : East Nanjing Road ทางออก 5 หรือ 6 เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที ไปทางเดียวกับ The Bund















Shanghai Natural History Museum
เรารู้จักมิวเซี่ยมแห่งนี้ครั้งแรกก็ตอนเห็นรูปจากรุ่นพี่คนหนึ่งอัพผ่านเฟสบุ๊ค มันคือรูปของไดโนเสาร์ ทำให้เรารู้ทันทีว่าไปเซี่ยงไฮ้เมื่อไหร่ เราจะไปมิวเซี่ยมแห่งนี้แน่นอน
Shanghai Natural History Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่มากกกกกกก ถ้าให้เดินทั่วคงใช้เวลาทั้งวัน มีสัตว์ต่างๆให้เราได้ศึกษา หรือแค่เดินดูเฉยๆก็เพลินมากแล้ว พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เหมาะทั้งกับเด็กและผู้ใหญ่ ที่นี่ทำดีมากกกกกกกก มากกกกกก จนเราอยากแนะนำให้มา
ค่าเข้าพิพิธภัณฑ์ ราคา 30 หยวน (มาซื้อที่หน้าพิพิธภัณฑ์ได้เลย ไม่ต้องรอแถว)
วิธีการเดินทาง : MRT : Shanghai Natural History Museum

























Xintiandi
ซินเทียนตี้เป็นกลุ่มอาคารเก่าที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหารหรู ที่นี่รวมเอาไว้มากมาย
เราเข้ามาเพื่อเดินเล่นและถ่ายรูปเท่านั้น เพราะตัวเราไม่อินกับอาคารสถานที่แบบนี้สักเท่าไร แต่ใครที่แวะมาแถวนี้แล้วก็แนะนำว่าควรมาเดินเล่น เพราะที่นี่เป็นอีกหนึ่งโลเคชั่นที่ถ่ายรูปสวย
วิธีการเดินทาง : MRT : South Huangpi Road หรือ MRT : Xintiandi



East Nanjing Road
ถนนสายช้อปปิ้งเก่าแก่ที่สุดของเซี่ยงไฮ้ ที่นี่เปรียบเสมือนทามสแควร์ของนิวยอร์ก
ถนนแห่งนี้เป็นถนนคนเดินที่มีคนพลุกพล่านจอแจตั้งแต่ดั้งเดิม ถนนแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านค้าและผู้คน เมื่อถึงตอนค่ำสองข้างทางตั้งแต่ต้นจนสุดถนน East Nanjing Road
ถนนหนานจิง เป็นเส้นทางนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศสมัยก่อน จึงมีทั้งร้านค้าเก่าแก่ที่มีมาแต่เดิม ขายอาหารหลากหลาย ตั้งแต่ street food ซื้อแล้วเดินทาน ฟาสต์ฟู้ด ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ร้านนวดไปจนถึงแหล่งเอนเตอร์เทนเมนต์ทั้งหลาย นอกจากนี้ยังมีร้านของฝากซึ่งมีหลายร้าน ใครมองหาของติดไม้ติดมือกลับบ้าน แนะนำว่าให้มาเดินเล่นที่ถนนสายนี้ดูนะคะ
วิธีการเดินทาง : MRT : People’s Square หรือ MRT : East Nanjing Road ทางออก 5 หรือ 6










Shanghai Street
วันแรกของปี ดูท่ายังจะเป็นวันหยุดของคนจีนเหมือนกัน เพราะวันนี้มีแต่คนออกมาเดินเที่ยวกันมากมาย
เรายังคงใช้วิธีเดิน เดิน และ เดิน เป็นหลัก เพราะเราชอบการได้เห็นเมืองจากมุมต่างๆแบบนี้ มันทำให้เรามีความสุขดีที่ได้ทำความรู้จักเซี่ยงไฮ้ไปวันละนิดละหน่อย












Hello 2019
สวัสดีวันแรกของปี
สวัสดีวันแรกของปีที่ตัวเองอยู่ในประเทศที่ไม่คุ้นเคย
ปีใหม่สำหรับเราเป็นเรื่องที่ตื่นเต้นเสมอ แต่เราไม่ได้ตื่นเต้นเพราะเทศกาลหรือการเฉลิมฉลองหรอกนะ เพราะตัวเราไม่ค่อยชอบงานอะไรที่มีผู้คนแน่นอัดเป็นปลากระป๋องสักเท่าไหร่
แต่เราตื่นเต้นที่ปีใหม่แต่ละปี เราจะเริ่มวางเป้าหมายใหม่ให้ตัวเอง มันอาจจะเป็นเป้าหมายที่ง่ายบ้าง ยากบ้างที่จะทำได้สำเร็จปะปนกันไป แต่ที่แน่ๆอย่างน้อยปีใหม่มันก็คือวันแรกของการเริ่มต้นในการทำอะไรใหม่ๆที่ดี อย่างน้อยมันก็คือวันที่เราได้เริ่มต้นความฝันและความหวังของเราอีกครั้ง
มันจะสำเร็จหรือไม่ มันคงเป็นเรื่องของอนาคต เพราะวันนี้มันแค่วันแรกของปี วันแห่งการเริ่มต้นเท่านั้นเอง

Day 5
เช้าวันนี้พยากรณ์อากาศเตือนเราว่า มีฝุ่นในอากาศมากกว่าปกติ อาจจะไม่เหมาะกับบุคคลที่แพ้อากาศง่าย
เช้านี้เป็นเช้าสุดท้ายของทริปนี้ เป็นเช้าสุดท้ายที่เราจะได้ทำความรู้จักเซี่ยงไฮ้
เช้านี้เราตื่นเช้ากว่าเดิม เพราะเราต้องเก็บสัมภาระทุกอย่างที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วห้อง กลับลงใส่กระเป๋าแล้วฝากเอาไว้ที่โรงแรม แล้วค่อยกลับมาเอามันเดินทางกลับบ้านพร้อมกัน
สำหรับเซี่ยงไฮ้ยิ่งรู้จัก เซี่ยงไฮ้ยิ่งทำให้เราหลงรัก เหมือนการได้พูดคุยกับบุคคลที่มีเสน่ห์คนหนึ่ง ยิ่งเขาพูดเขาก็ดูน่าหลงไหล เซี่ยงไฮ้ของเราเป็นแบบนั้น

The Bund (ไว่ทัน)
ไว่ทัน แทบจะเป็นภาพจำของเซี่ยงไฮ้เลยก็ว่าได้ ใครมาเซี่ยงไฮ้ก็ต้องมาที่นี่
ไว่ทัน เป็นเหมือนแลนด์มาร์คที่เป็นหน้าตาของเซี่ยงไฮ้เลยก็ว่าได้ เพราะมันทำให้เซี่ยงไฮ้ ไม่เหมือนจีน แต่เหมือนกับเรากำลังเดินอยู่ยุโรปมากกว่า
สิ่งที่น่าสนใจของบริเวณไว่ทัน นอกจากวิวที่เรามองไปยังฝั่งฟูตงโดยมีแม่น้ำหวงผู่กั้นกลาง แล้วอีกจุดที่น่าสนใจก็คือ The Bund สถาปัตยกรรมของอาคารเก่าแก่ ซึ่งเป็นศูนย์รวมของศิลปะหลายแบบหลากสไตล์
ที่นี่เหมาะทั้งมาเดินตอนกลางวันและกลางคืน เพราะมันสวยมากกกกกกกกกกกกกกก
วิธีการเดินทาง : MRT East Nanjing Road ทางออก 6 หรือ 7 เดินต่ออีกประมาณ 10 นาที















เมืองโบราณ Qibao
เรามาเมืองโบราณ Qibao เพียงเพราะมันอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าที่เป็น Line เดียวกับโรงแรมและค่าเดินทางแค่ 5 หยวน (25บาท)
เราไม่ได้รู้จักเมืองโบราณแห่งนี้มาก่อน แต่เจอข้อมูลในไกด์บุ๊คเที่ยวเซี่ยงไฮ้ และมันตรงกับว่าทริปนี้เราไม่อยากจะไปที่ไหนที่ต้องต่อรถหลายรอบ หรือออกจากเมืองมากนัก และเมืองนี้มันก็ดูมีคุณสมบัติตรงกับที่เราต้องการพอดี
เมืองเก่าชีเป่า เป็นเมืองโบราณริมน้ำที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมกว่าพันปี เมืองนี้ตั้งอยู่ที่เมืองชีเป่า (Qibao) ชานเมืองของเซี่ยงไฮ้ เมืองนี้เริ่มสร้างตั้งแต่สมัยราชวงศ์ซ่งเหนือ (ค.ศ. 960 – 1127 )
การเดินทางมายังเหมือนแห่งนี้นั้นสะดวกสบายมากกก เพราะมีสถานีรถไฟฟ้าชื่อว่า Qibao ทำให้นักท่องเที่ยวแบบเราสามารถเดินทางมาเที่ยวได้ด้วยตัวเอง
เมืองโบราณแห่งนี้เป็นเมืองเงียบๆเล็กๆ ไม่ได้มีจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายนัก เพราะเมืองแห่งนี้ยังมีชุมชนของชาวบ้านที่ยังอาศัยอยู่จริง ไม่ได้จัดเป็นเมืองเฉพาะต้อนรับนักท่องเที่ยว ดังนั้นหากใครมีเวลาเหลือจะแวะมาเดินเล่นที่นี่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ
วิธีการเดินทาง : MRT Qibao ทางออก 2 เดินต่อมาอีกประมาณ 5 นาที




Seesaw Coffee
คนกินกาแฟ มาเซี่ยงไฮ้ จะไม่แวะกินกาแฟจาก Seesaw ก็เห็นจะไม่ได้ เพราะแบรนด์กาแฟ Seesaw ที่ว่านี้เป็นเหมือนร้านกาแฟลูกหม้อของเซี่ยงไฮ้เลยก็ว่าได้ มีสาขาอยู่หลายแห่ง
ใครที่อยากดื่มกาแฟคุณภาพดี ที่นี่ยังมีเมล็ดกาแฟให้เลือกเองอีกด้วยนะ ส่วนขนมก็จะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามฤดูกาล
แต่เราแนะนำสาขาที่อยู่ติดกับ Muji สาขาที่ใหญ่สุดของเซี่ยงไฮ้ เพราะนอกจากจะได้มากินกาแฟอร่อยๆแล้ว ถนนสายนี้ถ่ายรูปเพลินเลยนะ
วิธีการเดินทาง : MRT : Middle Huaihai Road ทางออก 1 ร้านอยู่ตึกเดียวกับ Muji



PARAS CAFE
คาเฟ่ดีไซน์เก๋แห่งนี้ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานี MRT South Shaanxi Road
ตัวร้านมี 2 ชั้น ชั้นล่างสำหรับทำกาแฟและสั่งอาหาร มีที่ให้นั่งนิดหน่อย ซึ่งที่นั่งส่วนใหญ่จะอยู่ชั้นสอง และชั้นสองก็ถ่ายรูปสวยกว่ามากด้วยนะ
กาแฟของร้านนี้อยู่ในมาตรฐานของความอร่อย และที่สุดคือระแวกของร้านนี้น่ารักมาก ใครมาเซี่ยงไฮ้แล้ว ที่นี่เป็นอีกหนึ่งคาเฟ่ที่เราอยากแนะนำให้มา
วิธีการเดินทาง : MRT South Shaanxi Road เดินต่ออีกประมาณ 5 นาที






ร้านเนื้อ เพื่อสายเนื้อ
เราเป็นสายเนื้อค่ะ ไปเซี่ยงไฮ้คราวนี้ไม่มีพลาด
เนื่องจากเรานั้นอ่านภาษาจีนไม่ออก และพูดจีนก็ไม่ได้ เราเลยไม่รู้ว่าร้านนี้ชื่อว่าอะไร แต่ร้านนี้อยู่ชั้น 3 ของอาคาร Food Plaza (ตึกใกล้ๆกับ KFC สาขา West Nanjing Road)
ร้านนี้ไม่ได้เป็นบุฟเฟ่ต์ แต่มีเมนูเนื้อเป็นชุด และแน่นอนค่ะว่าเมนูเป็นรูปภาพ สั่งง่ายหายห่วง และนอกจากที่ร้านนี้จะมีเนื้อคุณภาพแล้ว พนักงานทุกคนน่ารักมากกกกก พยามเข้าใจ และดูแลโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวแบบเรา ใครชอบเนื้อแนะนำให้ไปลอง
เราไปลองมา 2 มื้อ 2 คน ราคาต่อมื้อแบบอิ่มมากกก รวมข้าวและน้ำอัดลมแล้วอยู่ที่ประมาณ 1500 -2500 บาท คุ้มค่าาาาาาาา
*ในเมนูไม่มีรูปข้าวเปล่า ใครพูดจีนไม่ได้แบบเราให้ท่องไปเลย ข้าว = หมี่ฟ่าน
วิธีการเดินทาง : MRT : West Nanjing Road ร้านอยู่ชั้น 3 ของตึกที่เราแนบไป






ซาลาเปาเจ้าอร่อย MRT Jiashan Road
ซาลาเปากลิ่นหอม ส่งกลิ่นออกมาจากร้านริมทางใกล้กับทางที่เราต้องเดินกลับโรงแรม
ร้านนี้เป็นร้านหนึ่งคูหาที่มีซาลาเปาไส้เยอะมากกกกกกกก ราคาอยู่ที่ประมาณ 3 – 5 หยวน หรือ 15 – 25 บาท เราลองไปหลายไส้และลงความเห็นว่าอร่อยทุกไส้
แต่ที่อยากแนะนำที่สุดก็ไส้คัชตาลลาวา มันอร่อยมากกกกกก ซาลาเปาหอมๆ แป้งเป็นแป้งซาลาเปาที่นิ่มที่สุดในชีวิต มาพร้อมกับคัชตาลลาวาที่ไม่หวานจนเลี่ยง ทุกอย่างลงตัวมาก
ใครพักโรงแรมที่เราพัก หรือเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้วผ่านสถานี MRT Jiashan Road อยากให้ลองแวะ รับรองไม่ผิดหวังงงงง
วิธีการเดินทาง : MRT Jiashan Road ทางออก 5 เดินตรงมาประมาณ 50 เมตร ร้านอยู่ก่อนถึงแยกถนนใหญ่




ชาไข่มุก
ณ เวลานี้ไม่ว่าที่ไหนก็มีชาไข่มุก เซี่ยงไฮ้ก็เช่นกัน
เซี่ยงไฮ้มีชาไข่มุกเยอะมากกกกกกกก รวมทั้งร้านดังที่กระจายอยู่ในหลายๆประเทศ แต่ทริปนี้เราไม่ได้ตั้งใจมากินชาไข่มุก เลยไม่ได้ลองร้านไหนพิเศษ แค่อยากกินตอนไหนก็เข้าไปต่อแถวร้านใกล้ๆแถวนั้น
เอาเป็นว่าสายชาไข่มุกมาเซี่ยงไฮ้ ปริ่มแน่นอน


Street Shanghai
ยิ่งเดิน ยิ่งเห็นอะไรมากขึ้น ยิ่งเดิน ยิ่งหลงรักเซี่ยงไฮ้
แม้วันนี้จะเป็นวันที่ห้าแล้ว ขาเราก็ปวดเมื่อยเพราะการเดินเยอะ แต่ใจเราก็ยังคงหลงไหลไปกับถนนสายต่างๆในเซี่ยงไฮ้อยู่ดี




















ผู้คนในเซี่ยงไฮ้
เราเป็นหนึ่งคนที่เป็นโรคกลัวจีน และไม่ชอบจีน
แต่ทริปนี้เป็นทริปที่เราเดินทางมาจีนครั้งที่สาม
และเซี่ยงไฮ้ก็ช่วยยืนยันความคิดใหม่ของเราได้ว่า คนจีนก็น่ารักไม่ต่างกับคนญี่ปุ่น
ความประทับใจแรกต่อคนจีนในเซี่ยงไฮ้ >> วันที่เราเดินทางมาถึงเราใช้บริการรถมารับที่สนามบินเหมือนที่ได้อธิบายไปตั้งแต่ต้นรีวิว คนขับรถเป็นคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ก็พยามสื่อสารกับเรา คอยถามว่าเราจะหนาวมั้ย เพราะต้องออกนอกอาคารมาขึ้นรถ พยามใส่ใจในทุกๆขั้นตอนของงานบริการของตัวเขาเอง
ความประทับใจที่สองต่อคนจีนในเซี่ยงไฮ้ >> วันแรกของการเริ่มเที่ยว เราเก้ๆกังๆกับการหาทางออกจากสถานีรถไฟฟ้า ก็มีผู้หญิงคนจีนที่พูดภาษาอังกฤษได้ช่วยอธิบายทาง พร้อมกับให้เราเดินไปพร้อมเธอเพราะเราต้องไปทางเดียวกันอยู่แล้ว
ความประทับใจที่สามต่อคนจีนในเซี่ยงไฮ้ >> ในวันที่เรากำลังหลงทางเพราะความมั่วของ Google Map เลยต้องแวะถามทางกับคนจีนด้วยการโชว์รูปให้ดู คุณลุงคนนั้นพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แต่ก็พยามอธิบายพร้อมกับโชว์แอปที่จะช่วยให้การเดินทางในจีนมันง่ายและบอกว่าอันนี้มันแม่นยำกว่านะ แต่ประเด็นคือมันมีแต่ภาษาจีน เราอ่านไม่ออกอยู่ดี แต่ยังไงก็ขอบคุณนะคะ
ความประทับใจที่สี่ต่อคนจีนในเซี่ยงไฮ้ >> จากการเที่ยวห้าวันเต็มของเรา ทำให้เรารับรู้ได้ว่าพนักงานในร้านต่างๆที่มีหน้าที่บริการ จะยินดีที่บริการและช่วยเหลือนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก ในทุกๆร้าน ทุกๆแห่ง แต่ที่ประทับใจที่สุดก็คงเป็นร้านเนื้อย่าง ที่ทุกคนจะคอยวนเวียนมาถามเราว่าอะไรการอะไรเพิ่มมั้ย อยากได้อะไรอีกมั้ย หรือพยามจะมาสอนวิธีการกินเนื้อด้วยก็ตาม พวกเขาเหล่านั้นน่ารักไม่ต่างกับคนญี่ปุ่นเลย

Bye Bye Shanghai
ทุกงานเลี้ยงย่อมต้องมีวันเลิกรา
ทุกการเดินทางต้องมีวันสิ้นสุด
หากใครเคยอ่านรีวิวทริปนิวยอร์กของเรา เราอยากจะบอกว่าหลังกลับมาจากเซี่ยงไฮ้แล้วความรู้สึกที่เรามีต่อเซี่ยงไฮ้มันคือความรู้สึกเดียวกันกับที่เรามีให้นิวยอร์ก เราหลงรักมหานครเหล่านี้เข้าเต็มๆ
เราไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูด หรือ บรรยายยังไงให้เท่ากับที่ความรู้สึกที่ตัวเองประทับใจกับมหานครแห่งนี้ เรารู้แค่ว่าสิ่งที่เราจะบอกได้นั้นคือ เซี่ยงไฮ้มันดีมากกกก ถึงแม้มันจะเป็นคำที่เราพูดบ่อยเกินไปแล้วในทริปนี้ก็ตาม เซี่ยงไฮ้คือเมืองที่เหมือนคุณไม่ได้อยู่ประเทศจีน ที่มีทั้งความเจริญ มีวัฒนธรรมที่สามารถผสมผสานกันจนเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง ผู้คนในเมืองน่ารัก มีน้ำใจไม่ต่างกับญี่ปุ่น ห้องน้ำสาธารณะหลายๆแห่งมันดีกว่าประเทศเราซะอีก รวมไปถึงทุกอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่า เซี่ยงไฮ้เป็นอีกหนึ่งมหานครที่คุณไม่ควรพลาดมาเยือนสักครั้งในชีวิต
