“อยากขับรถไปต่างจังหวัดสัก 2 วัน ไปไหนดีนะ”
นั่นเป็นความคิดแรกที่ทำให้เราเกิดทริปนี้ขึ้นมา สุโขทัย…ไม่ใช่แบบที่คิด
การเดินทางครั้งนี้เราตั้งใจจะขับรถไปสุโขทัย เพื่อขึ้นเขาหลวง อยากไปนอนเต็นท์แล้วตื่นเช้ามาได้เห็นหมอกขาวๆที่คลอเคลียอยู่กับขุนเขา เราเลยเก็บกระเป๋าแล้วออกเดินทาง
การเดินทางครั้งนี้เรามีโอกาสได้ทดลองใช้รถจาก Haup Car บริษัท Car Sharing เจ้าแรกของเมืองไทย เป็นการเช่ารถที่เราก็พึ่งเคยรู้ว่า เราสามารถทำทุกอย่างให้จบภายใน App เดียว ไม่ต้องเจอพนักงาน ไม่ต้องเติมน้ำมันคืน ไม่ต้องวุ่นวายกับการเช็ครอยรอบคันทั้งตอนรับและตอนส่งรถ
มันคือความแปลกใหม่ของนักเดินทางที่ชอบขับรถทุกคนควรได้ลอง
สามารถอ่านรีวิวเกี่ยวกกับ Haup Car แบบละเอียดได้ที่ >> https://wp.me/p8RAsl-26f
เราจัดการจองรถ App : Haup Car โดยเลือกจุดรับรถที่เราสะดวก แล้วก็เลือกรุ่นของรถที่เราจะเช่า จากนั้นก็กรอกช่วงเวลาที่เราต้องการใช้รถ
ส่วนตัวเราๆเลือกรับรถที่จุดจอดรถ BU-Greenish ภายในซอยรังสิตภิรมย์ เราลงเวลารับรถไว้ในเช้าวันเสาร์ตอน 6.30 น. โดยเราสามารถรับรถได้ก่อนเวลาประมาณ 30 นาที
เมื่อถึงเวลาเราทำการรับรถผ่าน app เหมือนเดิมเลยค่ะ ก็ทำการ Unlock รถ ผ่าน app นั่นแหละ จากนั้นเราก็จัดการยัดกระเป๋าใส่ท้ายนิสสัน จู๊ค พาหนะที่จะร่วมหนีเที่ยวไปกับเราตลอดทริปนี้
ออกเดินทาง
6.30 น. เราออกเดินทางจากรังสิตมุ่งหน้าสู่ อุทยานแห่งชาติรามคำแหง จ.สุโขทัย
ทริปนี้เราเดินทางกับเพื่อนสองคนค่ะ เราเป็นคนขับรถ ส่วนเพื่อนเป็นคนคอยดูแมปส์และบอกทาง
“มึงถามกูเกิ้ลสิให้เราไปเส้นทางไหน”
“กูเกิ้ลบอกเราให้วิ่งผ่านอยุธยา แล้วต่อไปอ่างทอง จากนั้นสิงห์บุรี แล้วก็บลาๆๆ”
“โอเค เดี๋ยวบอกไปทีละจังหวัดนะ”
เพื่อนเราพยักหน้ารับทราบ
เราขับรถออกมาจากรังสิตได้ไม่นาน ขอตัดสินใจแวะปั๊มเติมน้ำมันให้เต็มถังไว้ก่อนดีกว่า เพราะจะได้ขับรถยิงยาวไปเลย
การเช่ารถกับทาง Haup Car ราคาที่เราจะจ่ายไปเป็นราคาที่รวมค่าน้ำมันไว้แล้ว ดังนั้นเมื่อเราจบทริปแล้วเอารถไปคืน เราจึงไม่ต้องเติมน้ำมันคืนค่ะ
แล้วการเติมน้ำมันทาง Haup Car จะมีการ์ดสำหรับใช้เติมน้ำมันที่ ปตท. เท่านั้นไว้ให้ในรถนะ เราก็เข้าไปเติมน้ำมันเหมือนตามปกติ แล้วก็ยื่นการ์ดนี้ให้พนักงานก็เรียบร้อยค่ะ
เราขับรถต่อมาได้สักพัก
“มึงๆ ช่วยเปลี่ยนหมุดเป็นวัดใหญ่ชัยมงคล ที่อยุธยาหน่อยสิ”
“มึงจะไปวัดใหญ่ตอนนี้ทำไม”
เพื่อนเราหันมาทำหน้าไม่เข้าใจหลังจากที่เราบอกว่าให้ช่วยเปลี่ยนหมุดในแมปส์เป็นวัดใหญ่ชัยมงคลหน่อย
“ป่าวววว กูไม่ได้จะไปวัด กูจะไปซื้อสายไหมที่ขายอยู่แถววัด”
“โว้ะะะะะ”
ไหนๆก็ผ่านอยุธยาแล้วก็แวะเข้าไปซื้อสายไหมหน่อยก็น่าจะไม่เป็นไรนี่หน่าาาาาา
ได้สายไหมแล้วขับรถต่อด้ายยยยยยยยยยยยยยย
เราขับรถยิงยาวมาเรื่อยๆมีแวะปั๊มบ้างเป็นครั้งคราว
“มึงเราจะต้องไปถึงเขาหลวงตอนกี่โมง”
“คนที่เคยไปมา ข้อมูลล่าสุดคือ พฤษภา ที่ผ่านมาคือ ก่อน บ่าย 3 ครึ่ง”
“โอเครับทราบ”
การขับรถออกไปเที่ยวในครั้งนี้เราต้องแข่งกับเวลาเพื่อให้ไปถึงก่อนที่อุทยานแห่งชาติรามคำแหง (เขาหลวง) จะปิด เพราะการที่เราจะขึ้นไปนอนกางเต็นท์ที่เขาหลวงนั้น เราจะต้องเดินขึ้นเขา หรือ การ Trekking ใช้เวลาประมาณ 3- 5 ชม. แล้วแต่คน ดังนั้นทางอุทยานจึงตั้งกำหนดเวลาปิดเอาไว้ เพราะถ้าเราเริ่มเดินช้าเกินไป กว่าจะไปถึงลานกางเต็นท์ก็จะค่ำ อาจจะเกิดอันตรายได้
เราขับรถตาม Google บอกไปเรื่อยๆ มีแวะบ้างเป็นครั้งคราว แล้วในที่สุดเวลาประมาณบ่ายโมงกว่าๆ เราก็เข้าสู่ จังหวัดสุโขทัย ซึ่งถือว่าทำเวลาได้ดีพอสมควร
หลงทาง
“มึงแล้วอาหารเราจะไปซื้อได้ที่ไหน”
“ตลาด คนที่เคยไปบอกว่าก่อนเข้าอุทยานจะมีตลาด ให้ซื้อที่นั้นได้เลย อีกอย่างคือบนอุทยานก็มีขายแค่ราคาแพงกว่าปกติ”
ทริปนี้เราให้เพื่อนเป็นคนช่วยเตรียมข้อมูลต่างๆ ส่วนเรามีหน้าที่ขับรถ
เราขับรถมาตามทางที่เพื่อนและ Google บอกมาเรื่อยๆ
“มึงง ตลาดอยู่ไหนว้ะ แล้วเส้นนี้กูว่ากูเกิ้ลพาเรามาทางลัดแล้วล่ะ ไม่มีรถสวนทางเลย”
เส้นทางข้างหน้าขณะนี้อยู่ไกลจากทางหลัก และแทบจะไม่มีรถสวนมาสักคัน เราเริ่มรู้สึกแปลกๆ เพราะยิ่งขับก็เหมือนยิ่งลึกเข้าไป เลยตัดสินใจถามทางจากชาวบ้านแถวนั้น
“พี่ค่ะ หนูจะไปเขาหลวง ไปทางนี้ถูกแล้วใช่มั้ยค่ะ”
“ไม่ๆๆๆน้อง ทางนี้ไปไม่ได้ น้องต้องกลับออกไปทางหลักนะ มุ่งหน้าสู่ อำเภอคีรีมาสนะ”
พวกเรารีบขอบคุณคุณพี่คนนั่นที่ช่วยไม่ให้เราขับรถลึกเข้าไปไกลกว่านี้
เอาแล้วไงงงงง ตอนนี้บ่าย 2 ครึ่งแล้วยังหลงอยู่อีกกกกก จะไปทันมั้ยว้ะเนี่ยยยยยยยยยยยยยย
อ่าวเห่ยยยยยยยยยยยยย
ระหว่างนั้นให้เพื่อนโทรไปถามกับทางอุทยาน แต่เบอร์ที่มีใน Google โทรไม่ติดซะงั้น สุดท้ายก็เลยต้องตั้งแมปส์ใหม่
ซึ่งมันผิดพลาดเนื่องจากว่า เพื่อนเราปักหมุดในแมปส์ว่า “เขาหลวง” เลยผิดทาง ที่ถูกต้องปักว่า “อุทยานแห่งชาติเขาหลวง” นะคะ อย่าพลาดเหมือนเรา
เรารีบขับรถมาจนถูกทางด้วยความร้อนรน กลัวไม่ทัน ในที่สุดเราก็มาถึง “อุทานแห่งชาติรามคำแหง” จ.สุโขทัย ตอนเวลา 15.00 น.
เรามาถึงหน้าอุทยาน ซึ่งจะต้องจ่ายค่าเข้าอุทยานก่อน คนไทย คนละ 20 บาท เรารออยู่บนรถให้เพื่อนลงไปจัดการ ด้วยความรีบและเหนื่อยเลยไม่ได้ถ่ายรูปหน้าอุทยานมานะคะ เพราะคิดว่าเดี๋ยวค่อยถ่ายวันกลับก็ได้
เพื่อนเราลงไปคุยกับเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ด้านหน้าอุทยานอยู่พักใหญ่ๆ แล้วเดินกลับมาที่รถด้วยหน้าเศร้าๆ
“ไม่ทันหรอ”
“เอออออออออออออ เจ้าหน้าที่บอกว่าอุทยานเปลี่ยนเวลาเข้าจาก 15.30 น. เป็น 14.00 น. แล้ว”
“อ่าวววววววววเห่ยยยยยยยยยย”
“มึงแต่กูหาไม่เจอนะข้อมูลนั้นอ่ะ ในเว็บอุทยานก็ไม่ได้บอกเอาไว้ เซ็งชะมัด”
ตอนนี้คนที่เซ็งที่สุด กลับไม่ใช่เราแล้วละคะ เพราะเพื่อนเราเป็นคนหาข้อมูลและมั่นใจในข้อมูลมาก
“เออๆๆ ไม่เป็นไร ไม่ได้ขึ้น ก็เปลี่ยนแผนละกัน”
“แล้วคืนนี้เราจะนอนไหนว้ะ นี่กูอุตส่าห์เอาเต็นท์มา เอาถุงนอนมา จัดกระเป๋าแบบชาวป่าสุดๆเลยนะ”
“เอออออออย่าบ่นกูก็เหมือนมึงนั้นแหละ”
เรารีบห้ามอาการเซ็งของเพื่อนที่เริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ
แน่ใจหรอว่าผิดหวัง
ด้วยเป็นนักเดินทางที่มีการผิดพลาดบ่อยเหลือเกิน เรื่องแค่นี้ไม่ทำให้เราสะเทือนค่ะ เราเปิด app : agoda หาที่พักสำหรับคืนนี้ของเรา โดยเลือกที่พักที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่เราอยูาตอนนี้ สุดท้ายก็กดจองที่พักที่อยู่ใกล้กับอุทยานประวัติศาสตร์ไป
“คืนนี้เรามีที่พักละ ไหนๆก็อกหักจากเขาหลวง งั้นเราขับรถไปหาที่ถ่ายรูปสวยๆกันเถอะว่ะ ย้อมใจตัวเองซะหน่อย”
“ดีนะที่เราขับรถมาเอง จะไปไหนต่อก็ได้”
ด้วยช่วงที่เราเดินทาง เป็นช่วงฤดูกาลของการทำนา ทำให้วิวสองข้างทางสวยมากกกกกกกกกกกก ตอนนี้เราไม่ต้องรีบไปไหนแล้ว ที่พักคืนนี้ก็มีแล้ว คราวนี้เราเลยขับรถชมทุ่งนาไป
โตแล้ว ขับรถมาเอง จะแวะตรงไหนก็ด้ายยยยยยยยยยยย
เราขับรถตามถนนลัดเลาะไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถบอกทุกคนว่ามันคือพิกัดไหน แต่มันคือท้องทุ่งนาที่อยู่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติรามคำแหง
ตอนนี้ทุ่งนาสีเขียว ที่มีฉากหลังเป็นเขาหลวงอันยิ่งใหญ่ ทำให้อารมณ์เซ็งของเรานั้นเกือบมลายสิ้น
และในที่สุดความผิดหวัง ก็นำเรามาพบเจอกับสิ่งที่สวยงามเกิดคาดหวัง
บางครั้งสิ่งที่เราไม่ได้หวังมันสวยงามกว่าที่หวังไว้มากเลยนะ
เราใช้เวลาช่วงที่เหลือของวันซึมซับกับชนบทของจังหวัดสุโขทัย ธรรมชาติที่ไม่มีการเติมแต่ง ธรรมชาติที่มีแค่ชาวบ้านท้องถิ่นเท่านั้นที่รับรู้ ไม่มีนักท่องเที่ยวคนไหนต้องการที่จะเดินทางมา (อย่างน้อยวันนี้ก็มีแค่เราที่เป็นนักท่องเที่ยวที่นั่น) มันเป็นความรู้สึกสุขที่สงบมากๆเลยนะ และก็แอบดีใจลึกๆว่าอย่างน้อย แต้มบุญที่มีก็ยังเหลืออยู่บ้าง เลยทำให้เราได้เจอกับวิวข้างทางที่สวยแบบนี้
เราสูดอากาศอันสดชื่นของท้องถิ่นสุโขทัยจนเต็มปอดแล้วก็ถึงเวลาที่จะต้องเข้าไปเช็คอินโรงแรมได้แล้ว เพราะตอนนี้ความเหนื่อย ความเมื่อย และความล้าเริ่มมาละคะ
Dorm of Happiness by Tharaburi (ดอร์ม ออฟ แฮปปิเนส บาย ธาราบุรี)
คือโรงแรมที่เราจะใช้หลับนอนในคืนนี้ เหตุผลที่เราจองโรงแรมนี้เพราะราคาไม่แพง และอยู่ใกล้อุทยานประวัติศาสตร์
เราจองมาในราคาคืนละ 1050 บาท ไม่รวมอาหารเช้า ลิงค์ตามไปจองโรงแรม ค้นหาที่พัก
จากจุดที่เราตระเวนถ่ายรูปเล่นสามารถขับตรงไปยังทางไปเมืองเก่าสุโขทัยได้เลย ขับมาประมาณ 15 นาที เราก็มาถึงโรงแรมที่เราจองเอาไว้
ตัวโรงแรมและห้องพักตกแต่งสไตล์ไทย-วินเทจ สวยงามทีเดียวค่ะ แต่ห้องที่เราเลือกนั้น ห้องน้ำจะอยู่ด้านนอก แต่ไม่ได้ใช้ร่วมกับแขกห้องอื่นนะคะ แต่ละห้องมีห้องน้ำของตัวเอง แต่มันออกมาอยู่นอกห้องเท่านั้นเอง ถือว่าคิดไม่ผิดที่มาพักที่นี่
ตอนเช็คอิน พี่พนักงานแนะนำเราว่าคืนนี้เป็นวันเสาร์ อุทยานประวัติศาสตร์จะเปิดไฟ และฝั่งตรงข้ามมีตลาด 800 ปี มีของกินขายเยอะมาก แนะนำให้ลองไปดู
ตอนนั้นได้ยินว่ามีของกินขายเยอะก็หูผึ่งเลยค่ะ เพราะหิวแล้ววันนี้รีบขับรถมาไม่ได้แวะกินอะไรที่ไหนเลย อาศัยกินเสบียงเอาบนรถเท่านั้นเอง เรารีบอาบน้ำเอาความล้าออกจากตัว จะได้ไปเดินเที่ยวเล่นสบายๆหน่อย แต่กว่าเราจะได้ออกจากโรงแรมไปตลาดฟ้าก็มืดแล้ว
พี่พนักงานบอกอีกว่าถ้าไม่เหนื่อยเกิน จอดรถไว้ที่โรงแรมแล้วปั่นจักรยานไปก็ได้นะ แต่เราไม่ไหวแล้วจริงๆ ขอขับรถไปดีกว่าปั่นไปได้ เดี๋ยวจะปั่นกลับโรงแรมไม่ไหวละยุ่งเลย
เอ้อออออ โรงแรมมีสระว่ายน้ำด้วยนะคะ เปิดถึง 3 ทุ่ม อยากจะกระโดดน้ำมากกกกกก แต่เราไม่มีชุดว่ายน้ำ เพราะเตรียมตัวมานอนเต็นท์บนเขา ไม่ได้คิดว่าจะมานอนโรงแรมสบายๆแบบนี้ เห้ออออออออ
ตลาดนัด 800 ปี กรุงสุโขทัย
วันนี้โชคไม่ค่อยเข้าข้างสักเท่าไหร่ เพราะฝนโปรยซะงั้น พ่อค้าแม่ค้าก็มาไม่เยอะ ขาตั้งกล้องก็ไม่ได้หยิบมาจากโรงแรม สรุปรูปเบลอออออออออออ
เราว่าตลาดแห่งนี้ถ้ามาวันที่พ่อค้าแม่ค้ามาเต็มตลาดต้องเดินสนุกมากแน่ๆค่ะ อีกอย่างราคาอาหารก็ไม่แพงนะ กินไปดูรำวงไป เพลินจะตายยยยยยยยยยยย
ตรงข้ามตลาด 800 ปี เป็นอุทยานประวัติศาสตร์เปิดให้เข้าถึง 3 ทุ่ม เราเข้าไปถ่ายรูปได้นิดหน่อย เพราะไม่ได้เอาขากล้องมา
คิดไม่ตก
เรากลับมาถึงโรงแรมจัดการตัวเองเรียบร้อย แต่ก็นอนไม่หลับ เพราะตอนนี้ยังไม่มีแพลนสำหรับวันพรุ่งนี้เลย ใจเราอยากจะไปหาที่ดูพระอาทิตย์ขึ้น แต่มันไม่มีที่สวยๆที่เราจะไปได้เลย ขึ้นเขาหลวงได้ เจ้าหน้าที่บอกขึ้นตั้งแต่เช้ามือได้ แต่เราต้องลงมาอีก แถมต้องขับรถกลับ กทม อีก คงไม่ได้ซึมซับบรรยากาศความสวยงามแน่นอน
นอนไถหน้าจอมือถือไปเรื่อยๆ จนไปเจอข้อมูลเกี่ยวกับการดูพระอาทิตย์ขึ้นในสุโขทัย สถานที่แห่งนี้อยู่ในชุมชนบ้านนาต้นจั่น อ.ศรัสัชนาลัย เรารีบโทรไปสอบถามข้อมูล แต่ได้ความว่าที่นี่ต้องมีไกด์นำทางเท่านั้น แล้วจะต้องมาเจอกับไกด์ตอน ตี 4 ครึ่ง คือออออออ แสดงว่าเราจะต้องออกจากโรงแรมอย่างช้าคือ ตี 3 โอ่วววววว ไม่ไหว แผนนี้คุณไม่ได้ไปต่อ
นอนไถมือถือต่อไปเรื่อยๆก็ยังไม่มีข้อสรุปสำหรับวันพรุ่งนี้ สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เพราะความล้าของร่างกาย ได้แต่พูดลอยๆ ขอให้พรุ่งนี้เราได้เจอวิวที่สวยๆไปฝากคนที่ติดตามบันทึกนักหนีเที่ยวนะ
อรุณสวัสดิ์
เราตื่นขึ้นเพราะเสียงนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ ตอนนี้เวลา ตี 5 เรารีบปลุกเพื่อนให้ตื่น เพื่อจัดการตัวเองพร้อมเก็บของเช็คเอ้าท์จากโรงแรม วันนี้เราไม่มีแผนอะไรเลย คิดได้แค่ว่าเราจะขับรถกลับไปยังทุ่งนาเมื่อวาน และภาวนาให้ตัวเองได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ
เราถามกูเกิ้ลว่าพระอาทิตย์ขึ้นที่สุโขทัยวันนี้กี่โมง กูเกิ้ลบอกเราว่า 6.13 น. เป็นเวลาที่พระอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้าของจังหวัดสุโขทัย เราพอมีเวลาที่จะขับรถเลือกโลเคชั่นในการดูพระอาทิตย์ขึ้น
เราขับรถเลือกโลเคชั่นอยู่พักใหญ่ๆ ในที่สุดก็จอดรถชิดถนนเอาไว้ แล้วลงไปยืนมองพระอาทิตย์ที่กำลังค่อยๆโผล่พ้นขอบฟ้ามาทักทายกัน
จริงๆถ้าเราเอาภาพสิ่งที่หวังในหัวออกไปให้หมด ลืมความผิดหวังเมื่อวานไปให้สิ้น แล้วเสพสุขจากความธรรมดาที่ธรรมชาติสร้างตรงหน้าที่เรามี เราจะรู้ว่าเราโชคดีแค่ไหน ที่ได้ตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ปลายนา ได้ยินเสียงนกที่กำลังพากันออกหากิน ได้กลิ่นของไอดินและความสดชื่นที่ค่อยๆมาแตะที่ปลายจมูก เราว่าแค่นี้ก็เป็นความสุขง่ายๆที่มนุษย์สามารถสัมผัสได้ในทุกๆวันแล้วนะ
หลังจากพระอาทิตย์ขึ้นไปแล้ว เราขับรถลัดเลาะไปตามถนนเรื่อยๆ เพื่อหาโลเคชั่นที่สะดวกๆ ในการจอดรถเพราะเราจะปิกนิกกินมื้อเช้ากันที่ท้ายรถ
เราตกลงกับเพื่อนว่าเราสองคนจะขับรถไปตามท้องทุ่งเรื่อยๆนี่แหละ เพราะวิวแถวนี้มันสวยเกินที่เราจะหันหลังกลับไปง่ายๆ
แล้วเราก็ตัดสินใจไม่ผิดจริงๆค่ะ ท้องทุ่งนา ที่มีฉากหลังเป็นหมอกขาวๆที่กำลังคลอเคลียอยู่กับขุนเขา มันเป็นภาพที่สบายตา คุ้มกับการเดินทางในครั้งนี้จริงๆ
เมื่อทบทวนตัวเองดีๆ มันก็ทำให้เรารู้ว่า จริงๆที่เราเลือกขับรถจากกรุงเทพ มาไกลถึงสุโขทัย เพราะอยากเห็นวิวธรรมชาติและความสงบแบบนี้แหละ
ไม่ควรเป็นแค่แผนสำรอง
“มึงเราจะไปไหนกันต่อดี”
“ไหนๆเราก็มาสุโขทัยแล้ว ไปอุทยานประวัติศาสตร์กันมั้ย”
“โอเค เมื่อคืนหาข้อมูลเจอ 2 วัดที่น่าไปด้วย”
หลังเราตกลงกับเพื่อนได้ว่าปลายทางต่อไปของเราคือที่ไหน เราขับรถมุ่งหน้าสู่วัดตระพังทอง วันที่อยู่ก่อนถึงอุทยานประวัติศาสตร์
วัดตระพังทอง
มีจุดเด่นอยู่ที่สะพานไม้ที่ทอดจากถนนสายหลักข้ามน้ำไปยังวัด และที่สะพานแห่งนี้ตอนเช้าจะมีพระมาบิณฑบาตด้วยนะคะ ใครมานอนใกล้เมืองเก่าแนะนำว่าควรมาเลย
และวัดตระพังทองมีตำนานที่เล่ากันมายาวนานเกี่ยวกับโบสถ์ที่หันหน้าไปยังทิศตะวันตก (จริงๆแล้วโบสถ์ต้องหันหน้าไปยังทิสตะวันออกนะคะ)
แต่เราอยากจะบอกว่าวัดตระพังทองเป็นวันที่มีวิวที่มองจากถนนไปยังวัดที่สวยมากกกกกกกกกกกกก สวยมากกกกกกกกกกกกๆ คนชอบถ่ายรูปควรมาเลยนะ
วัดศรีชุม
วัดที่มีโบราณสถานเป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่เด่นเป็นสง่ามากๆ วัดศรีชุมจะอยู่ห่างออกมาจากตัวอุทยานประวัติศาสตร์หน่อย แต่ไม่ไกลมาก และจะต้องจ่ายค่าเข้าชม คนไทย 20 บาท
อุทยานประวัติศาสตร์
คนไทยจะต้องจ่ายค่าเข้าอุทยาน คนละ 20 นะคะ และด้วยภายในอุทยานมีพื้นที่ค่อนข้างกว้างทำให้ที่นี่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเช่ารถจักนรยานปั่นเที่ยวกัน หรือใครไม่ถนัดปั่นก็จะมีรถให้บริการด้วยนะคะ แต่ ชั่วโมงละ 200 บาท โอเค เราจะออกกำลังกายด้วยการปั่นนนนนนนนนนนน
ส่วนเราจะออกกำลังกายด้วยการปั่นนนนนนนนนนนน (พูดตรงๆงบน้อยนั่นแหละ)
ค่าเช่าจักรยานอยู่ที่ 30 บาท/คัน ตลอดทั้งวัน เราแนะนำให้มาก่อนเที่ยงนะคะ ถ่ายรูปสวย และนักท่องเที่ยวไม่เยอะด้วยค่ะ หรืออีกช่วงเวลาคือมาก่อนพระอาทิตย์ตกจะสวยมากกกกกกกกกกกก
ส่วนตัวเราว่าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เป็นสถานที่ๆต้องห้ามพลาดเมื่อมาสุโขทัยเลย เพราะที่มีโบราณสถานที่สวยมากๆๆ พื้นที่ภายในอุทยานก็ร่มรื่น ปั่นจักรยานสนุกมากกกกกกก เที่ยวสบายมากกกกกก
ควรมีเวลา 1 วันสำหรับเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ เพราะกว้างมากกกกก จะได้ใช้เวลาละเมียดละไมกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
วัดมหาธาตุ
เราเริ่มเที่ยวจากวัดมหาธาตุค่ะ ด้านในที่เป็นบริเวณวัดเป็นซากโบราณสถานที่ยิ่งใหญ่ และยังมีเค้าโครงความสวยงามในอดีตหลงเหลืออยู่มากทีเดียวเลยนะ
ใครได้เข้ามาอยู่ในบริเวณนี้จะต้องหลงเสน่ห์แบบเรา
เราปั่นจักรยานตามทางในอุทยานไปเรื่อยๆ อยากถ่ายรูปตรงไหนก็จอดแวะลงไป วันที่เราไปเป็นวันที่แดดจ้ามาก แต่ภายในอุทยานอากาศดี สบายมากค่ะ
ก่อนกลับต้องไม่ลืมแวะสักการะพ่อขุนรามคำแหงมหาราชด้วยนะคะ
ระหว่างทาง
เราใช้เวลาอยู่ในอุทยานจนเที่ยงก็ถึงเวลาที่จะต้องเดินทางกลับกรุงเทพแล้ว ก่อนกลับเราขอแวะร้านอร่อยๆหน่อย ตั้งแต่มายังไม่ได้ไปกินอะไรจริงจังเลย
ไม้กลางเมือง
ร้านอาหารชื่อดังที่ได้เรทรีวิวบนวงในเยอะมากกกกกกก เราอ่านรีวิวแล้วก็คิดว่าร้านนี้แหละที่เราจะไปกินมื้อเที่ยงกัน เราให้ลุงเจ้าของร้านแนะนำเมนูเด็ดของร้านมา และเมื่อได้ลองชิมแล้วเราว่ารสชาติอาหารโอเคเลยค่ะ แนะนำข้าวคลุกกะปิ อร่อยเลยค่ะ ส่วนประเภทก๋วยเตี๋ยว รสชาติถือว่าโอเคเลยค่ะ แต่ในส่วนของขนมหวานเราว่าเขาให้น้อยไปหน่อยนะ แต่รวมๆเอาเป็นว่าใครผ่านไปแถวนั้นแวะไปลองดูค่ะ
อิ่มจากมื้อเที่ยงแล้วก็ถึงเวลาที่เราจะขับรถกลับกรุงเทพกันแล้ว คราวนี้ Google บอกให้เราไปทางที่จะต้องผ่านพิษณุโลก ซึ่งคือคนละทางกับตอนมา แต่ก็ดีเหมือนกันนะคะ การขับรถเองมันทำให้เราได้เที่ยวไปตลอดทาง
เราขับรถมาระยะเวลาเท่าไหร่ก็ไม่แน่ใจ แต่เมื่อมาถึงจังหวัดนครสวรรค์ เราเห็นหอคอยแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนยอดเขา
“มึงงงง ๆ เขาตรงโน้นนนนนนนนนอ่ะ มีหอคอยชมวิวเมืองแน่เลยว้ะ”
“เออๆๆ มึงขับรถไปเรื่อยๆ เดี๋ยวกูอ่านป้ายให้ ถ้าเป็นแหล่งท่องเที่ยวมันต้องมีป้ายสิ”
“โอเคๆๆ”
หอชมเมืองนครสวรรค์
ทางเข้าหอชมเมือง คือทางเข้าวัดคีรีวงศ์ หรือทางเข้าพระจุฬามณีเจดีย์ ค่าเข้าชมคนละ 20 บาท แต่วิวที่จะได้เห็นมันคือหลักแสนนนนนนนนนนนน เป็นจุดชมวิวในเมืองไทยที่ทำออกมาดีมากอีกแห่งหนึ่งเลยค่ะ เรียกว่ามันคุ้มยิ่งกว่าคุ้มกับเงินที่จ่ายไป
สวยมากกกกกกกกกกกกกกกก วิว 360 องศาเลยยยยยยยยยยยย
สุโขทัย…ไม่ใช่แบบที่คิด
การเดินทางมาสุโขทัยครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเรา และมันก็เป็นการเดินทางที่ไม่ใช่แบบที่เราคิดเอาไว้เลย
การเดินทางครั้งนี้เราอยากขับรถออกมาไกลๆกรุงเทพ อยากออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์ ทำอะไรก็ได้แบบที่คนเมืองไม่ได้ทำ แต่เมื่อแผนมันพังไม่เป็นท่า เราก็จำเป็นจะต้องมามองหาสิ่งดีๆที่เรามีอยู่แทน
โชคดีที่เราเลือกเดินทางด้วยการขับรถเที่ยว มันเหมือนทำให้เราได้กลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง สมมติว่าตัวเองกำลังผจญภัยอยู่ที่ไหนสักแห่ง ขับรถไปเรื่อยๆ อยากแวะตรงไหนก็ได้ อยากถ่ายรูปตรงไหนก็จอดรถแล้วลงไปได้เลย มันคือความสนุกที่คนชอบขับรถเท่านั้นถึงจะได้สัมผัสมัน
การเดินทางมาสุโขทัยครั้งนี้เป็นครั้งแรกของเรา และมันก็เป็นการเดินทางที่ไม่ใช่แบบที่เราคิดเอาไว้เลย เราพลาดจากการขึ้นไปนอนบนเขาหลวง แต่เรากลับได้รู้จักชนบทที่มีวิวสวยมากๆ ในอำเภอคีรีมาศแทน เราพลาดจากการได้เดิน trekking ป่าประเทศไทยครั้งแรก แต่เราได้รู้จักอุทยานประวัติศาสตร์ที่มีความร่มรื่นมากที่สุดแห่งหนึ่ง
ทุกการเดินทางมันมักเจอกับความผิดหวังได้เสมอ แต่หากเราเจอความผิดหวังนั้นแล้ว ขอแค่ให้กลับมามองสิ่งที่มีอยู่รอบตัว แล้วมีความสุขกับมันแทนที่เราจะเสียใจกับสิ่งที่เราไม่ได้มันมา มันก็จะสามารถทำให้การเดินทางครั้งนั้นดีกว่าที่คิดไว้เสมอ
“ฉันสัญญาว่าจะกลับไปสุโขทัย”
ขอขอบคุณ Haup Car ที่ร่วมหนีเที่ยวไปด้วยกัน
อ่านรีวิว Haup Car อย่างละเอียดได้ที่ https://wp.me/p8RAsl-26f
ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 02-107-3795
Line id : @haup
Instagram : haupcar
Mali : info@haupcar.com
Web : https://www.haupcar.com/