ภูเก็ตคือจังหวัดที่มีทุกอย่างครบในจังหวัดเดียว เพราะทั้งทะเลสวย ของกินก็อร่อย แถมมีโรงแรมเยอะมากให้เราเลือกตามอารมณ์หรือกำลังทรัพย์
เป็นจังหวัดที่เราชอบมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ด้วยเป็นจังหวัดที่เราเดินทางมาหลายครั้งแล้ว ก็เลยอยากเอาสูตรการเที่ยวภูเก็ตในแบบฉบับบันทึกนักหนีเที่ยวมาฝากกัน
สูตร A : อยากพักผ่อน นอนโรงแรมหรูๆ >> แนะนำให้ทริปนั้นอยู่เฉพาะโรงแรม หรือไปทำกิจกรรมไม่ไกลจากโรงแรม เพราะเราจะได้ซึมซับบรรยากาศในโรงแรมให้เต็มที่ (โรงแรมหรูๆบรรยากาศดีๆ มักอยู่นอกเมือง)
สูตร B : อยากไปดำน้ำ เที่ยวเกาะแบบวันเดย์ทริป >> แนะนำให้นอนโรงแรมในเมืองค่ะ เพราะว่าถ้าเรานอนโรงแรมแพงไป เราก็ไม่ได้อยู่ซึมซัมบรรยากาศโรงแรมหรอกค่ะ เพราะทัวร์มักมารับเราตอนเช้าและมาส่งกลับโรงแรมก็เกือบค่ำแล้ว ถ้านอนหรูไม่ได้ซึมซับแน่นอน
สูตร C : อยากตะลุยกินในภูเก็ต >> แนะนำให้นอนในเมืองค่ะ ในเมืองมีโรงแรมเก๋ๆเยอะมาก และใกล้กับร้านของกินอร่อยเยอะมากกกกกกกก บางที่ขับรถไม่ไกล หรือบางโรงแรมมีจักรยานให้เราเอาไปขี่ได้ฟรีด้วยค่ะ
ด้วยเรามาภูเก็ตหลายครั้งแล้ว แถมมีเวลาแค่ 2 วัน 1 คืนเท่านั้น เลยขอพาทุกคนหนีเที่ยวแบบสูตร C แล้วกันนะคะ เผื่อเป็นแนวทางสำหรับคนเวลาน้อยและเหมาะสำหรับฤดูฝนแบบนี้ด้วยสิ ไม่ต้องลงเกาะ เที่ยวในเมืองก็สนุกไปอีกแบบนะ
ทริปนี้เราจะเน้นกิน กิน และกิน ให้มันพุงแตกกันไปเล้ยยยยยย
ทริปนี้เราเลือกที่จะพักในตัวเมืองภูเก็ต เพราะมันใกล้ร้านของอร่อยยยยย เหตุผลไม่ต้องมีเยอะ 55555
กินไปกลัวคนแย่งไป 55555
ทริปนี้เราเลือกพักโรงแรมบลู มัง กี้ ฮับ แอนท์ โฮเต็ล ภูเก็ต โรงแรมจะอยู่ใกล้กับ บขส. เก่า และเป็นโรงแรมที่อยู่ในเขตเมืองภูเก็ตมาก ใครมาพักที่นี่เดินทางได้สะดวกสบายมากด้วยนะ เพราะตอนนี้สนามบินภูเก็ตมี แอร์พอร์ตบัสจากสนามบิน – เข้าเมืองภูเก็ต – ป่าตองแล้วค่ะ ใครมาพักโรงแรมบลู มัง กี้ ฮับ แอนท์ โฮเต็ล ให้นั่งมาลงสุดสายค่ะ ค่าโดยสาร 100 บาท สะดวกสบายมากๆค่ะ
แต่คราวนี้เรายังไม่มีโอกาสได้ทดลองใช้เลยค่ะ เที่ยวภูเก็ตรอบนี้เราเช่ารถค่ะ เนื่องจากเราจะออกจากตัวเมืองไปหน่อย เลยคิดว่าเช่ารถก็สะดวกดีนะ
การเดินทางครั้งนี้เป็นการเช่ารถครั้งแรกของเราในภูเก็ตค่ะ ปกติจะขับรถตัวเองมา ในภูเก็ตมีให้เลือกหลายเจ้ามากๆ แต่ส่วนใหญ่นั้นจะมีแค่ให้รับ-ส่งที่สนามบินเท่านั้น ส่วนเราพึ่งขึ้นมาจากเกาะนาคาน้อย เลยต้องหาเจ้าที่สามารถส่งรถให้นอกสนามบินภูเก็ตได้ หาไปเรื่อยๆในที่สุดก็เจอกับ Grow Rent A Car เจ้านี้สามารถมาส่งรถนอกสนามบินได้ แต่ก็มีค่าใช้จ่าย ส่วนนั้นสำหรับเราไม่มีปัญหาขอแค่มีรถใช้ก็พอ โดยราคาของเจ้านี่คิดค่าเช่ารถ(city car)วันละ 800 บาท ค่ามัดจำ 2000 บาท และค่าส่งรถนอกสถานที่ 300 บาท
คุณน้าเจ้าของร้านเช่ารถน่ารักมากค่ะ เราแนะนำเจ้านี้นะถ้าใครต้องการเช่ารถที่ภูเก็ตลองติดต่อไปดูนะ
(คุณกี้ 095-9154236)
เราขับรถมาจากท่าเรืออ่าวปอไม่นานก็มาถึงโรงแรมบลู มัง กี้ ฮับ แอนท์ โฮเต็ล ภูเก็ต โรงแรมมีที่จอดรถด้านหน้าไม่มาก แต่คิดว่าเพียงพอค่ะ
Blu Monkey Hub and Hotel Phuket
โรงแรมอยุ่ที่ถนนพังงา ใกล้กับ บขส. 1 เราชอบโรงแรมนี้เพราะว่ามันอยู่ใจกลางเมือง สามารถเดินไปในตัวเมืองได้เลย ใช้เวลาเพียง 10 นาที แถมมีจักรยานให้ยืมด้วยนะ
โรงแรมใช้โทนสีดำ-ขาว ในการตกแต่งเป็นหลัก และเมื่อมาถึงเราก็จะเห็นเจ้าลิงยืนรอเราอยู่หน้าโรงแรมเลยค่ะ
เข้ามาดูด้านในกันค่ะ
เราเข้ามาแจ้งล็อบบี้ รอน้องพนักงานจัดการให้ไม่นานก็ได้กุญแจห้องมาค่ะ
ขึ้นลิฟต์มาชั้น 7 เลยค่ะ
เราชอบดีไซน์ของโรงแรมนี้นะคะ คงความเก๋ไว้ทุกตารางนิ้วจริงๆ
เราได้ห้อง 701 เปิดเข้ามาในห้องภาพแรกที่เราเจอก็แบบนี้เลยค่ะ
มีคนเตือนเราว่าาาาาา ที่นี่เตียงดูดวิญาณนะ เดี๋ยวมาลองคืนนี้นะ
หากนอนบนเตียงแล้วมองกลับมาก็จะสามารถดูทีวีไปนอนบนเตียงนุ่มๆไป เราชอบการออกแบบของโรงแรมนี้นะ สามารถใช้พื้นที่ ที่มีอยู่จำกัดได้คุ้มค่ามาก
ถึงแม้ว่าในห้องจะมีพื้นที่จำกัด แต่ในห้องก็มีทุกอย่างครบ
ในส่วนของห้องน้ำ ด้านในจะมีแค่โถชักโครกและส่วนสำหรับอาบน้ำเท่านั้น ทำให้ห้องน้ำไม่ต้องใช้พื้นที่เยอะ
ส่วนอ่างล้างหน้า ไดร์เป่าผม และกระจก จะจัดอยู่ด้านนอกนะคะ ชอบตรงความเก๋
ยังไม่จบแค่นั้นค่ะ ห้องนี้ยังมีอ่างอาบน้ำให้เราสามารถแช่ตัวไป ชมจันทร์ไปพร้อมกันได้ด้วยนะ
บอกแล้วค่ะว่าโรงแรมนี้ไม่ใช่แค่เก๋ และอยู่กลางเมืองเท่านั้น เพราะทุกอย่างในห้องครบมากกกกกกกกกกก
แถมในโรแรมยังมีเครื่องช่วยให้การเที่ยวภูเก็ตของเราง่ายขึ้นอีกด้วยค่ะ
เราสามารถเอาเจ้าเครื่องนี้ออกไปด้านนอกด้วยนะ สามารถใช้ในการยืมจักรยานของโรงแรมเอาไปขี่ด้านนอกได้ด้วยนะ
สำรวจบนห้องเรียบร้อย ก็จะทิ้งตัวลงนอน เราขอไปสำรวจด้านล่างของโรงแรมก่อนดีกว่า เพราะตอนที่มาเช็คอินเห็นด้านล่างมีอะไรหลายอย่างเลยค่ะ
แต่ส่วนที่เราชอบมากคือโรงแรมมีส่วนที่เป็นห้อง Monkey Hub co-working space
สำหรับคนที่อยากได้มุมสงบไว้ทำงาน
ภายในห้องจะใช้เฟอร์นิเจอร์ไม้ ภายในห้องเน้นใช้สีขาวเป็นหลัก พร้อมด้วยเพดานที่สูง ทำให้ห้องนี้ดูโปร่ง เหมาะแก่การนั่งทำงานมากจริงๆค่ะ
นั่งทำงานที่โต้ะไม้ มองตรงไปด้านหน้าจะเห็นสีเขียวๆของต้นไม้ สบายตามากค่ะ
ไม่ว่ามุมไหนของโรงแรมเราก็จะเจอเจ้าลิงดำเสมอค่ะ
ภายในห้องมีคอมพิเตอร์ MAC ให้บริการอินเตอร์ฟรีด้วยนะ
บานกระจกแบบกลม กับโต้ะไว้สำหรับทำงานหรือจะอ่านหนังสือ ทำให้มุมนี้น่านั่งมากๆ
หรือจะเอาหนังสือเล่มโปรดมานั่งอ่านหนังสือไป อิงหลังไปกับผนัง พร้อมมองออกไปด้านนอก มันชิลมากจริงๆ
หรือใครจะอยากอ่านหนังสือที่นี่ก็มีนะ
ภายในห้อง Monkey Hub co-working space ยังมีห้องเล็กๆอีกหนึ่งห้องค่ะ Monkey Laundry เปิด 24 ชม.
ภายในห้องจะมีถังซักผ้า 1 ถัง พร้อมถังอบร้อนผ้าอีก 1 ถัง และมีเตารีดสำหรับให้เราบริการตัวเองด้วยค่ะ บอกเลยว่าโรงแรมไหนมีแบบนี้ให้บริการ เอาใจนักเดินทางไปเต็มๆ
โรงแรมมีสระว่ายน้ำส่วนกลางด้วยนะคะ เป็นสระไม่ใหญ่มาก แต่ถ้าใครอยากมาถ่ายรูปสวยเลยทีเดียว
รูปนี้เรายืมมาจากเว็บไซต์ของโรงแรม เพราะตอนเราไปมีคนใช้สระอยู่ถ่ายรูปไม่สะดวกจ้า
เดินย้อนกลับมาที่ล็อบบี้จะมีมุมขายของที่ระลึกด้วยนะคะ
ออกมาข้างนอกเราก็จะเจอกับจักรยานที่จอดไว้ให้บริการแขกที่มาพัก
จักรยานมีเยอะเพียงพอต่อลูกค้าที่เข้าพักแน่นอนค่ะ
สำหรับใครที่อยากมาพักในเมืองภูเก็ต ไม่แน่ใจว่าจะพักโรงแรมไหนดี มองหาที่พักที่มีครบทุกอย่างภายในโรงแรมเดียว แถมราคาคุ้มค่า เราแนะนำโรงแรม Blu Monkey Hub and Hotel Phuket โรงแรมที่ตอบโจทย์นักเดินทางแบบเรา
ใครอยากจะจองที่พักสามารถจองจากกล่องค้นหาด้านล่างได้เลยนะคะ
หรือจะเข้าไปสอบถามโปรโมชั่นต่างๆสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่
http://www.blumonkeyhotels.com/
https://www.facebook.com/monkeyhub/
สำรวจโรงแรมจนพอใจก็ถึงเวลาที่จะไปสำรวจเมืองภูเก็ตสักที เรามาช่วงเดือนเมษายนคืออากาศร้อนมากกกกกกกกกก มากกกกกกกกกกกกกกกกก ถึงมากที่สุด ถ่ายรูปออกมาคือแสงจ้ามากก
เราตั้งใจจะไปเดินเล่นพร้อมกับหามื้อเที่ยงทานหน่อยค่ะ เพราะตอนนี้ท้องก็เริ่มหิวแล้วสิ
ขับรถออกมาจากโรงแรม กว่าจะหาที่จอดรถได้ คือเราต้องขับวนประมาณ 5 รอบ ดังนั้นใครจะอยู่แค่ในเมือง ใช้จักรยานจะสะดวกมากเลยนะ
จอดรถเสร็จเราก็เลยขอเดินสำรวจเมืองไปเรื่อยๆ
เมืองภูเก็ตเป็นเมืองที่ถ่ายรูปสนุกมากเลยนะ แค่บนท้องถนนก็มีอะไรเยอะแยะแล้ว
เดินมาเรื่อยๆจนในที่สุดเราก็มาถึงหน้าร้านตู้กับข้าว ร้านที่ใครมาภูเก็ตแล้วต้องมา !! ไม่งั้นเหมือนมาไม่ถึง
ร้าน “ตู้กับข้าว” ร้านอาหารพื้นเมืองที่ใครมาก็ต้องลอง
วันที่เราไป ในร้านคนเยอะเลยค่ะ แต่โต้ะมีเยอะพอรองรับแขกแน่นอนค่ะ ข้างในร้านตู้กับข้าวตกแต่งได้สวยงามเลยค่ะ บรรยากาศเป็นไทยย้อนยุคที่ผสมความโมเดิร์น แลดูอบอุ่น เหมาะแก่การมาทานอาหารกับครอบครัวหรือชาวแก๊งมากเลยค่ะ
ภายในร้านแบ่งออกเป็นหลายโซน แต่ละโซนก็จะตกแต่งแตกต่างกัน
บรรยากาศน่านั่งทุกโซน
พาชมบรรยากาศร้านจนทั่วแล้ว ก็ได้เวลาของการชิมอาหารสักที เพราะตอนนี้เราหิวมากแล้วววววว
เริ่มที่เมนูแรก เมนูโปรดของเรามาภูเก็ตต้องได้กิน “แกงปูใบชะพลู” เสิร์ฟคู่หมี่ลวก ทางร้านบอกเราว่าเนื้อปูที่ใช้เป็นปูจากสุราษฎร์คัดเนื้ออย่างดี อันนี้ขอยืนยันว่า อร่อยมากกกกกกกก ใครมาภูเก็ตต้องมาลองทานที่ร้านตู้กับข้าวค่ะ
เมนูที่สอง “น้ำพริกระกำปลาฉิงฉ้าง” เมนูนี้เป็นน้ำพริกที่ใส่ครกเล็กๆมาพร้อมกับผักอีกหนึ่งถาดเต็มๆ ใครชอบน้ำพริกรับรองสั่งเมนูนี้แล้วทานกับข้าวสวยร้อนๆ โคตรฟินนนนนนนนน รสชาติของจานนี้จะเปริ้ยวและเผ็ดตามนะคะ รสจัดอร่อยมากค่ะ
เมนูที่สาม “หมูฮ้อง” อาหารพื้นเมืองของภูเก็ต รสออกหวาน กลมกล่อมค่ะ โดยทางร้านยังบอกเราว่าหมูจะใช้เฉพาะขาหน้าเท่านั้น พร้อมด้วยเครื่องเทศสูตรพิเศษของทางร้านที่ต้มเอาไว้ถึง 6 ชม. แล้วจากนั้นต้องตุ๋นไฟอ่อนๆต่ออีก 5ชม.
เมนูที่สี่ “แกงส้มปลากระพงแดง” รสชาติของแกงส้มอร่อยแบบฉบับชาวใต้มากๆค่ะ เพราะที่ร้านใช้พริกสดและตำเครื่องแกงเอง มันเลยอร่อยแบบนี้
เมนูที่ห้า “ผักเหลียงผัดไข่” อีกหนึ่งเมนูพื้นเมืองของภาคใต้ ที่ร้านทำออกมากลมกล่อมกำลังดีเลยค่ะ
เมนูที่หก ถึงเมนูเครื่องดื่มกันบ้างค่ะ “ค็อกเทลไนโตรเจน” ซึ่งเราจำชื่อเมนูจริงๆไม่ได้ เป็นเมนูค็อกเทลที่จะมีน้องพนักงานมาทำให้เราทานกันที่โต้ะเลย
ทางร้านบอกเราว่าเมนูที่ทางร้านคิดขึ้นมาเองเลยค่ะ ใครมา “ตู้กับข้าว” ไม่ควรพลาดเลยนะ
เมนูนี้ รสชาติจะออกรสเปรี้ยว สากๆ แต่ขอบอกว่า มันดีมากกกกกกกกกกกกกก อยากให้ลอง
และยังไม่จบแค่นั้นค่ะ เพราะเรายังมีของหวานอีก 2 อย่าง ที่ทางร้านบอกเราว่ามาแล้วต้องกินนะ นั้นก็คือไอติมกะทิสด มาพร้อมท็อปปิ้งแบบจัดเต็ม อยากใส่เยอะแค่ไหนก็ตามใจเลยค่ะ
ส่วนอีกหนึ่งเมนูก็คือ พุดดิ้งอินทผาลัม อร่อยมากกกกกกกกกกกก ใครมาร้านตู้กับข้าวต้องสั่งเลยนะเมนูนี้
อิ่มจากร้านตู้กับข้าวแล้ว แทบจะคลานออกมาจากร้านเลยค่ะ เราเลยขอไปเดินย่อย ชมเมืองภูเก็ตกันดีกว่า
ภายในโซนเมืองเก่าของภูเก็ต เป็นอีกเมืองที่เรียกได้ว่าเป็นเมืองฮิปเตอร์มากทีเดียวค่ะ
ใครอยากไปปีนังแต่ยังไม่มีเวลา เราแนะนำมาภูเก็ตก่อนได้นะ มันใช่ !!
เราเดินเล่นในเมืองภูเก็ตจนค่ำ แล้วก็เดินมาสะดุดกับร้านคาเฟ่น่ารักๆชื่อ Crepe is Crepe ด้วยความน่ารักของการตกแต่งร้านจนทำให้เราต้องหยุดและต้องมนต์เดินเข้าไปในร้านแคปแห่งนี้
ร้านนี้เป็นร้านแคปน่ารักๆ อีกแห่งของเมืองภูเก็ต แต่ราคาของแต่ละเมนูไม่น่ารักเท่าไรเลย ส่วนใครที่ไม่สนใจเรื่องราคาแต่ชอบความน่ารักยังไงก็ลองแวะมาดูค่ะ
หลังจากหนังท้องตึงจากแคปจานยักษ์ หนังตาเราก็เริ่มหย่อนลงแล้วซิ เลยคิดว่าขอกลับโรงแรมไปยืดหลังสักหน่อย ดึกๆค่อยออกมาหาร้านอร่อยในเมืองภูเก็ต หาอะไรทานต่อ ( ใช่ค่ะ เราจะไม่หยุดกินถึงแม้มันจะถึงเวลานอนแล้วก็ตาม 5555 )
หลังจากกลับมานอนพัก เพราะอิ่มกับอาหารเมืองภูเก็ตมาแล้ว ดึกๆเราเลยจะออกไปหาอะไรกินกันอีกครั้ง ของกินเมืองภูเก็ตมีตลอดทั้งวันทั้งคืน
โกเบ๊น ข้าวต้มแห้ง ร้านที่ดังมากกกกกกกกกกกกกกกก คนรอแถวเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกกกก นานจนตอนแรกเราชิวๆ จนเริ่มหิวและเมื่อยมากกกกกกกกก
ส่วนรสชาติอาหารนั้นเราว่ามันไม่ได้อร่อยเวอร์จนต้องมานะ มันก็โอเค แต่เราว่าติดเค็มไปนะ
หลังจากรอข้าวต้มแห้งอย่างยาวนาน ก่อนกลับไปนอน เราเลยขอแวะไปถ่ายรูปเมืองเก่าภูเก็ตตอนกลางดึกกันซะหน่อย แล้วกลับไปนอนดีกว่า พรุ่งนี้ไปเที่ยวภูเก็ตในเมืองกันต่อนะ
Day 2
7.00 น.
เรารีบตื่นเพื่อจะได้ไปเที่ยวภูเก็ตต่อ
เช้านี้เราจะเริ่มทริปด้วยการกินนนนนนนน 5555 ยาวๆไปเลยค่ะ
ร้านแรกของเราในวันนี้เราจะไปร้าน “อรุณ โภชนา” ร้านโรตีเจ้าเก่า ที่เราไปภูเก็ตทุกครั้งยังคงไปทานทุกครั้ง เราแนะนำเมนู โรตีธรรมดาไม่ใส่ไข่ แค่นี้ก็อร่อยมากกกกกกกกกก
จากร้าน “อรุณ โภชนา” เราขับรถมาต่อร้านที่สองที่ร้านขนมจีน ป้าติ่ง มาภูเก็ตไม่กินขนมจีน ก็เหมือนมาไม่ถึง
ร้านขนมจีนแม่ติ่ง เป็นแบบบุฟเฟ่นะคะ เราสามารถตักน้ำยาขนมจีนได้เลย อะไรก็ได้ มีให้เลือกหลากลายมากค่ะ เราแนะนำแกงเนื้อ และแกงปู อร่อยมากกกกกกก และต้องไม่ลืมกินคู่กับไก่ทอดนะคะ ครบสูตรจริงๆ
แนะนำไปก่อน 11 โมงนะคะ ช้ากว่านั้นอาจจะไม่ได้กิน
อิ่มจากขนมจีนแล้ว เรายังไม่จบค่ะ กลับมาที่โซนเมืองเก่าอีกครั้ง เพราะอยากดื่มกาแฟดีๆสักแก้ว เติมคาเฟอีนเข้าเส้นเลือดหน่อย วันนี้ต้องลุยอีกเยอะ (อิเวอรรรรรรรรรรร์)
มีรุ่นน้องเป็นคนภูเก็ตแนะนำร้านกาแฟเล็กๆที่ซ่อนตัวอยู่ในโซนเมืองเก่า เป็นร้านคาเฟ่แค่หนึ่งคูหา ชื่อร้านว่า Rose Espresso ในเมื่อชื่อร้านแบบนี้เราเลยขอสั่ง เอสเปสโซ่ มาเสพดีกว่าาาา
กาแฟที่นี่เข้มข้นดีมากกกกกกกกกกกกก คนกินกาแฟต้องชอบ แนะนำให้มา เช้าๆนั่งจิบกาแฟในเมืองเก่าภูเก็ตความสุขอีกอย่างที่คุณจะสามารถหาได้ในเมืองภูเก็ต
หลังจากซึมซับกับกาแฟดีๆ พร้อมชีสเค้กอร่อยๆแล้ว เราขอเดินเที่ยวเล่นเมืองเก่าอีกนิด ก่อนที่จะถึงเวลาที่เราจะไปเก็บของเพื่อเช็คเอ้าท์ที่โรงแรมกันแล้วค่ะ เพราะว่าเวลาที่เหลือของวันนี้เราจะออกไปเที่ยวนอกเมืองกันค่ะ
และก็ถึงเวลาที่เราจะบอกลาเมืองเก่ากันแล้วละ เพราะว่าเราจะออกไปสัมผัมทะเลกันดีว่า ทริปนี้เราอยากแนะนำสำหรับคนที่มีเวลาน้อย ไม่สามารถลงเกาะไปดำน้ำได้ แต่สามารถใช้เวลาอยู่ริมหาดต่างๆได้นะ เพราะหาดในภูเก็ตก็สวยไม่แพ้เกาะเลยละคะ หรือใครไม่อยากจะโดนน้ำทะเล เราแนะนำแวะจุดชมวิวแบบเราก็ได้นะ เพราะวิวสวยจนคุณต้องร้องว้าวแน่นอน
จุดชมวิวสามอ่าว
เราขับรถออกจากเมืองเก่า ตรงมายังจุดชมวิวสามอ่าวใช้เวลาประมาณ 30 นาที เราก็มาถึงจุดชมวิวสามอ่าว หรือ จุดชมวิวหาดกระรน
เป็นอีกจุดชมวิวที่เราอยากให้คนมาภูเก็ตได้มา เพราะวิวข้างบนสวยมากจริงๆ แต่ตรงนี้เป็นแค่จุดชมวิวเล็กๆนะคะ เราใช้เวลาไม่นาน
เราขับรถต่อมาอีกนิดเพื่อมายังอีกหนึ่งจุดซึ่งน่าจะเป็นจุดชมวิวชื่อดังที่สุดนั้นก็คือ แหลมพรหมเทพ เพราะใครมาภูเก็ตเชื่อว่า คงต้องอยากมาดูพระอาทิตย์ตกที่นี่แน่นอน
แต่………..
ใครเคยมาแล้ว จะรู้ว่าแหลมพรหมเทพ เป็นจุดดูพระอาทิตย์ตกที่ดีที่สุดนั้นเป็นเรื่องจริงที่สุด แต่เมื่อถึงเวลาที่พระอาทิตย์ใกล้ตกที่นี่ จะเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย เต็มขนาดที่ว่าเราแทบไม่ได้ซึมซับความงามของธรรมชาติเลยนะ
ครั้งนี้เราเลยขอเลือกมาชมแหลมพรหมเทพแบบไม่ใช่เวลาพระอาทิตย์ตกบ้าง และเราก็คิดถูกเพราะตรงนี้วิวสวยมากจริงๆ แทบไม่มีผู้คนมาบดบังธรรมชาติสวยๆอีกด้วยนะ
หลังจากชมวิวทะเลพร้อมกับลมทะเลและแดดร้อนๆไปแล้วนั้น เราเลยอยากไปหาคาเฟ่หลบร้อนกันอีกหน่อยละกันเนอะ (เอ้ะอะ กินของหวาน ตลอดดดดดดดดดดด)
Cafe Kantary
คาเฟ่ที่เราพามา เป็นคาเฟ่ริมทะเลใกล้แหลมพันวาสุดชิล ตกแต่งด้วยสีขาวและใช้กระจกเพื่อให้คาเฟ่แห่งนี้มีความโปร่งและในร้านมีต้นไม้ที่เพิ่มสีเขียวมาช่วยให้เราผ่อนคลายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
ที่นี่เป็นคาเฟ่ที่เราสามารถนั่งมองทะเลพร้อมจิบกาแฟไปพร้อมกันได้ ควรค่าแก่การมามากๆๆ
เราใช้เวลาชิลอยู่ในคาเฟ่ริมทะเลค่อนข้างนาน ก็มันนั่งสบาย ใครจะใช้เวลาไม่นานบ้างล่ะ เนอะ เราขับรถมาต่อที่อีกหนึ่งคาเฟ่ (เรายังคงเสพความชิคกันต่อไปค่ะ)
The Feel Sion เดอะฟีลฉัน
คาเฟ่ที่มีดีไซน์เท่ๆ อีกแห่งหนึ่งของจังหวัดภูเก็ต ที่นี่เป็นคาเฟ่ขนาดค่อนข้างใหญ่ เมื่อเข้ามาด้านในจะรับรู้ได้ถึงความชิคของคาเฟ่แห่งนี้ เดะฟีลฉันไม่ใช่คาเฟ่ที่มีแค่ขนมหรือกาแฟนะคะ ยังมีอาหารคาวอร่อยๆให้ทานด้วยค่ะ และที่สำคัญที่สุดยังเป็นคาเฟ่ที่เหมาะสำหรับคนทุกวัยให้มานั่งทานอาหารแบบชิคๆกันอีกด้วย
นอกจากเป็นร้านที่บรรยากาศดีแล้ว อาหารและเครื่องดื่มก็รสชาติดีมากเลยค่ะ แนะนำมากๆๆ ใครมาภูเก็ตอย่าพลาดเด็ดขาด เราแนะนำทุกเวลาที่เราลงรูปไปปปป มันดีงามมมม
เรามองดูนาฬิกา เรายังมีเวลาไปกินอีกร้านก่อนจะไปสนามบิน เพื่อขึ้นเครื่องกลับกรุงเทพ เราจะไม่จบหนึ่งวันที่เหลือๆของเราง่ายๆแน่นอนค่ะ 5555
The Hiddenpot
คาเฟ่เล็กๆที่อยู่ระหว่างทางไปสนามบินภูเก็ต คาเฟ่แห่งนี้เป็นคาเฟ่ที่มีความกุ้กกิ๊กอยู่ในตัวสูงมาก เหมาะแก่การชวนเพื่อนสาวมากินขนมพร้อมนั่งเม้าท์ไปด้วยกัน และสำคัญคือขนมและเครื่องดื่มอร่อยและรูปสวยน่ารักด้วยสิ
หลังจากเราใช้เวลาในคาเฟ่สุดคิ้วท์อยู่นานพอสมควร ก็คงถึงเวลาที่เราจะบอกลาภูเก็ตแล้วละ เครื่องที่เราจองเอาไว้จะออกจากภูเก็ตประมาณ 6 โมง ซึ่งใครที่จะเดินทางออกจากภูเก็ตด้วยเครื่องบินแบบเรา จำเป็นต้องเผื่อเวลาประมาณ 1 ชม เลยค่ะ เพราะภูเก็ตรถติดหนักมากกกกกกกก และเราจะต้องไปคืนรถที่เช่ามาด้วย
ก่อนถึงสนามบินนัดแนะกับบริษัทให้เช่ารถให้เรียบร้อยนะคะ จะได้ไม่เสียเวลา ส่วนเรานั้นมาทันเวลาพอดี แต่สายการบินนกแอร์เครื่องดันมีปัญหา ต้องติดอยู่ที่สนามบินภูเก็ตเกือบ 5 ชม. เห้อออออออออออออออออออ
สำหรับทริปตะลอนกินในจังหวัดภูเก็ตของบันทึกนักหนีเที่ยวในครั้งนี้จะไม่ครอบคลุมทั้งหมดเพราะด้วยเวลาที่มีจำกัด และเราอยากพาทุกคนไปเจอร้านใหม่ๆที่แตกต่างรีวิวอื่นๆบ้าง เป็นแนวทางสำหรับคนที่ต้องการเดินทางมาเที่ยวภูเก็ตช่วงหน้าฝนแบบนี้ เพราะในฤดูฝนแบบนี้หลายๆเกาะอาจจะไม่สามารถที่จะเดินทางไปได้ แต่จังหวัดภูเก็ตยังมีอะไรอีกมากมายให้เราได้เดินทางมาพบเจอ หากใครกำลังเลือกจังหวัดที่จะเดินทางไปพักผ่อน เราอยากให้ลองพิจารณาภูเก็ตดูนะ
เพราะภูเก็ตเป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ควรค่าแก่การมาเยือนจริงๆค่ะ