เมื่อช่วงกลางเดือนมีนาคม เรามีโอกาสได้เดินทางไปจังหวัดกาญจนบุรี ทริปนี้เป็นทริปพี่น้อง เพราะเราชวนพี่และน้อง ออกไปหาแรงบันดาลใจใหม่ๆในการทำงานกัน แต่ด้วยภาระหน้าที่ของแต่ละคน เราเลยไม่สามารถเดินทางออกไปยังจังหวัดไกลๆได้ เราเลยเลือกที่จะมาจังหวัดกาญจนบุรี และทริปนี้เราตกลงว่าจะพักที่ “โรงแรมมิตรพันธ์”
ทริปนี้เราได้โจทย์จากสมาชิกในทริปว่าไม่ขอลงน้ำ เพราะเรามีเวลากันแค่ 2วัน 1 คืน อยากไปพักผ่อน ตามหาแรงบันดาลใจและให้เวลากับความคิดเป็นหลัก ทริปนี้เราเลยได้ข้อสรุปว่า เราจะไปพักโรงแรมมิตรพันธ์ ซึ่งจากทำเลของโรงแรมนั้นเราสามารถขับรถไปที่ๆปักหมุดไว้ได้สะดวกเลยค่ะ
เริ่มทริปกันดีกว่า…
ทริปนี้เราขับรถไปจาก กรุงเทพ ไป กาญจนบุรี ออกจากกรุงเทพประมาณ 10 โมง
ขับรถมาเรื่อยๆประมาณ 2 ชมนิดๆก็มาถึงจังหวัดกาญจนบุรี
ก่อนจะแวะเข้าโรงแรม เราขอแวะทานข้าวที่ร้านอาหารสวยๆอย่างคีรีมันตราก่อนค่ะ เพราะตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว หิวมากด้วย
คีรีมันตรา เป็นร้านอาหารที่ตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาเขียวขจีที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ เน้นอาหารไทยฟิวชั่น เหตุที่เราแวะคีรีมันตรา ก็เพราะเราได้เห็นรูปวิวของร้านคีรีมันตราที่สวยมากกกก เราเลยคิดว่าไปกาญเมื่อไรเราต้องไปแวะร้านอาหารแห่งนี้ให้ได้ ซึ่งร้านอาหารแห่งนี้อยู่ห่างจากโรงแรมมิตรพันธ์เพียงแค่ 10 นาทีเองค่ะ
ร้านคีรีมันตรา วิวดีมากกกกกกกก สวยมากกกก แต่ตอนเราไปเราดันไปเที่ยงค่ะ คือแดดจ้ามากก ร้อนมาก ร้อนจนต้องร้องขอชีวิต แนะนำว่าให้ไปตอนเย็นค่ะ อากาศน่าจะดีกว่านี้เยอะ แต่ยังไงที่นี่ถ่ายรูปออกมาสวยแน่นอน คอนเฟิร์ม !!!
อาหารที่คีรีมันตรารสชาติดีมากทีเดียวค่ะ แนะนำมากๆหากใครมองหาร้านอาหารในกาญ ต้องแวะมาคีรีมันตราให้ได้ และในพื้นที่เดียวกันกับคีรีมันตรา ก็มีคาเฟ่สวยๆชื่อว่า The Village Farm to Cafe ร้านบรรยากาศดูน่ารักมากค่ะ แต่ตอนนี้เราอิ่มแล้วก็อยากจะเข้าไปเช็คอินที่โรงแรม และขอพักผ่อนก่อน บ่ายๆค่อยออกมาที่คาเฟ่แห่งนี้
ออกจากคีรีมันตรา เราขับรถตาม google map มาประมาณ 10 นาที ก็ถึงทางเข้าโรงแรมมิตรพันธ์ โรงแรมอยู่บนถนนแสงชูโต ซอยท่ามะขาม ซอย8 สังเกตง่ายๆ ซึ่งทางเข้าติดกับโชว์รูมนิสสันเลยค่ะ และอยู่ตรงข้ามโรงพยาบาลกาญจนบุรีเมโมเรียล
เราเข้ามาเช็คอินที่โรงแรม ซึ่งเราจองมาแบบ 2 ห้อง เพราะมากัน 3 คน ไม่อยากนอนเบียดกันค่ะ และโชคดีที่สุดเมื่อมาเช็คอิน พนักงานแจ้งว่าทางโรงแรมมีห้อง connecting สำหรับครอบครัว หรือกลุ่มเพื่อนที่มาด้วยกัน บอกเลยแบบนี้ เอาใจเราไปเต็มๆๆค่ะ
เราได้ห้อง 303 และ 305 อยู่ชั้น 3 ของโรงแรม ซึ่งโรงแรมมิตรพันธ์มีแค่ 4 ชั้น ดังนั้นจะไม่มีลิฟต์นะคะ ใครที่เข่าไม่ดีขอให้แจ้งตอนเช็คอินว่าขอชั้น 1 ส่วนห้องเรานั้นเราได้ฝั่งซ้ายเห็นวิวสระน้ำของโรงแรมด้วยค่ะ
เปิดห้องเข้าไปทำเอาเราว้าวมากกกกกกกกกกกกกก
เพราะตอนจะมาเราก็ไม่ได้คาดหวังกับโรงแรมเท่าไร คงเพราะไม่ใช่โรงแรมริมน้ำ เราเลยคิดว่าไม่มีอะไร แต่เมื่อเราเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้ว ห้องทำออกมาสวยเกินราคาค่าห้องเลยค่ะ แถมบรรยากาศห้องเรารู้สึกว่าอบอุ่น น่านอนมากกกกกกกกกกกก
ปกติราคาห้องพักอยู่ประมาณคืนละ 1,300 บาท แต่เรามาช่วงโปรค่ะ เหลือแค่ 1,000 บาท
ใครกำลังมองหาที่พักในกาญ แบบอบอุ่น จองเลยค้าาาาา
ในส่วนของห้องพักสบายตามากค่ะ เหมาะกับการพักผ่อนมากจริงๆ ห้องเราวิวหันออกไปยังสระน้ำ ซึ่งตอนแดดจ้าก็สวยไปอีกแบบนี้นะคะ เดี๋ยวต้องมาดูว่าตอนเย็นๆจะสวยมากมั้ย
อีกส่วนที่เราชอบมากกก คือส่วนของฟร้อนโรงแรมมีมุมพักผ่อนที่สบายมากกกก และถ่ายรูปสวยมากกกเช่นกัน
เราพักอยู่ในโรงแรมจนหนำใจก็ได้เวลาออกไปตะลุยคาเฟ่ที่เล็งๆเอาไว้ โดยร้านแรกที่เราจะไปก็คือ The Village Farm to Cafe อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับ คีรีมันตราที่เราไปทานข้าวเที่ยงมานั่นแหละค่ะ ขับรถจากโรงแรมมิตรพันธ์ไปยังคาเฟ่ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีค่ะ
The Village Farm to Cafe บรรยากาศในร้านดีมากกกกกกกกกค่ะ ร้านนี้แนะนำให้มาช่วงกลางวันนะคะ เพราะในร้านจะถ่ายรูปออกมาสวยมากกว่าค่ะ (เราดันเลือกมาเวลาสลับกันระหว่างสองร้าน เห้อออ)
ส่วนเมนูในร้านมีทั้งอาหารคาวและขนม แต่เราขอแค่ขนมละกันค่ะ อาหารคาวคงไม่ไหว แต่ใครที่จะมาร้านนี้ตอนเที่ยงก็แนะนำเลยค่ะ ทานข้าวได้ กินขนมด้วย ครบสูตร!!
ขนมรสชาติดีทีเดียวค่ะ แถมแต่ละเมนูถ่ายรูปออกมาสวยอีกด้วย ถือว่าร้านนี้เข้าใจมนุษย์โซเชียลจริงๆ ใครมากาญต้องแวะมาที่นี่ให้ได้ค่ะ แนะนำมากๆๆ
ทานขนมจากร้าน The Village Farm to Cafe เรียบร้อย ถ่ายรูปกันจนหนำใจแล้ว ก็เลยชวนสมาชิกขับรถไปคาเฟ่อีกแห่งหนึ่ง ซึ่งร้านอยู่ก่อนถึง The Village Farm to Cafe และห่างจากโรงแรมประมาณ 7 นาทีเองค่ะ
ร้านชื่อ Day’s Cafe เป็นร้านเล็กๆที่พึ่งเปิดมาได้ไม่นาน แต่มันมีเสน่ห์บางอย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่าต้องไปให้ได้
Day’s Cafe ร้านเล็กๆสีขาว ริมถนน 323 ทางไปน้ำตกไทรโยค มาจากแยกแก่งเสี้ยนประมาณ 3 กม. หรือใช้วิธีเดียวกับเราคือวิ่งตาม google map มาเลยค่ะ
ร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ที่เจ้าของทำเองทุกอย่าง รวมไปถึงวัตถุดิบที่เป็นจำพวกผลไม้สดๆไม่มีสารพิษ เพราะเจ้าของร้านบอกว่าทั้งหมดมาจากที่บ้านเองค่ะ ในส่วนของเค้กนั้นในแต่ละวันอาจจะมีไม่เหมือนกันเพราะเป็นโฮมเมดทั้งหมด ซึ่งรสชาติของอาหารและเครื่องดื่มทุกอย่าง อร่อยมากกก โกโก้เข้มรสชาติดีมากกก ทุกอย่างในร้านบ่งบอกถึงความใส่ใจทุกขั้นตอนจริงๆ และต้องบอกตามตรงว่าแบบนี้ คือเสน่ห์คาเฟ่ที่เราตามหา
ความเก๋ของในร้านยังไม่หมดเท่านี้ เพราะในร้านมีขายกระเป๋าสานด้วย ราคาใบละประมาณ 490 บาท งานสวยเลยค่ะ คอนเฟิร์มจากบุคคลที่ชอบงานแบบนี้อย่างเรา
และร้านนี้ก็ยังทำให้เราว้าวไม่หยุด เพราะตอนที่เรากำลังถ่ายรูปในร้านเล่นอยู่ พี่เจ้าของร้านก็บอกเราว่าด้านบนเป็นดาดฟ้า จะขึ้นไปก็ได้นะ แล้วมีหรอคะที่เราจะไม่ลองขึ้นไป เมื่อขึ้นมาก็จะมีช่องกระจกให้เรามองกลับเข้าไปในร้าน มุมนี้เราชอบมาก เพราะถ่ายรูปออกมาเก๋มากทีเดียว ใครผ่านมาที่กาญลองแวะดูนะคะ รับรองว่าคุณจะชอบแน่นอน
เรานั่งเล่นที่ร้าน Day’s Cafe อยู่พักใหญ่ก็รู้สึกมีอาการเพลียแดด เพราะวันที่เราไปแดดแรงมากกกกกกกกก สมาชิกในทริปทุกคนเพลียเหมือนกันหมด ก็เลยขอกลับโรงแรมกันดีกว่า
ขับรถมา 7 นาที ไม่ขาดไม่เกินก็มาถึงโรงแรมพอดีค่ะ
เราชอบแสงที่โรงแรมตอนเย็นๆแบบนี้ ทำให้บรรยากาศดีมากๆๆค่ะเลย
สระน้ำที่โรงแรมตอนเวลาค่ำแบบนี้สวยทีเดียวค่ะ ใครมาพักโรงแรมมิตรพันธ์ เราแนะนำว่าเอาชุดว่ายน้ำมาด้วยนะคะ สระดีมากกกกกกกกกกกกกกก น่าเล่นน้ำมากกก (เราไม่ว่ายเราจะเล่น 5555)
และความน่ารักของทางโรงแรมมิตรพันธ์ มีเป็ดลอยน้ำให้เราไว้เล่นและถ่ายรูปด้วยค่ะ เราชอบความน่ารักของทางโรงแรม ที่ไม่ใช่โรงแรมใหญ่โตมากมายแต่มีความใสใจลูกค้าอยู่ทุกส่วน
ถ่ายรูปเล่นจนสะใจ ก็กลับขึ้นมาบนห้องพัก ซึ่งตอนนี้เพลียมากกก สมาชิกในทริปของเราหลับกันไปหมดแล้ว เราถ่ายรูปวิวอีกหน่อยแล้วขอตัวไปงีบบ้างนะ เพลียแดดจริงๆๆ
21.00 น. ทุกคนตื่นขึ้นมาด้วยความหิว
เราลงมาถามพี่พนักงานที่ฟร้อนว่าดึกแบบนี้มีที่ไหนแนะนำให้เราไปหาอะไรทานบ้าง พี่พนักงานแนะนำมาหลายแห่ง แต่เราตกลงปรงใจว่าจะไปย่านโต้รุ่งแถวหอนาฬิกาเมืองกาญกัน
จากโรงแรมเลี้ยวซ้ายไปทางถนนใหญ่ขับรถมาเรื่อยๆประมาณ 10 นาที ก็จะเจอกับหอนาฬิกาและย่านโต้รุ่ง เราลงไปเดินแวะเวียน ซื้อโน้นนี่มากินกัน
กินกันจนอิ่มก็ขอกลับโรงแรมไปงีบต่อนะ ง่วงมากละ พรุ่งนี้เราจะพาเที่ยวออกตามหาแรงบันดาลใจกันต่อ (ขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปของกินมา มันหิววววว ที่นี่ราคากลางๆไม่แพง แต่รสชาติก็กลางเช่นกัน เอาเป็นว่ากินได้นะ)
เช้าวันที่สอง
เราตื่นขึ้นมาอาบน้ำแต่เช้า เพราะจะลงไปทานอาหารเช้าที่โรงแรมมีบริการ แล้วก็จะขับรถไปถ่ายรูปวิวสะพานประวัติศาสตร์ต่อสักหน่อย
เราชอบวิวระเบียงของทางโรงแรมมิตรพันธ์มองแล้วสบายใจดี แถมถ่ายรูปออกมาเก๋มากด้วยสิ
อาหารเช้าของโรงแรมมิตรพันธ์ให้เราเดินมาแจ้งเบอร์ห้องกับฟร้อน แล้วทางฟร้อนจะเขียนคูปองให้เราค่ะ เพราะเราต้องเดินไปทานมื้อเช้าที่ตึกข้างๆ ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือกันค่ะ
อาหารเช้าเริ่ม 6.00 -9.30 น.
ในส่วนของไลน์อาหารมีไม่เยอะค่ะ แต่ก็ถือว่ามีครบ
เราทานมื้อเช้าเสร็จ ก็คิดว่าจะออกไปถ่ายรูปที่สะพานประวัติศาสตร์กันสักหน่อย เช้าๆน่าจะได้รูปสวย คนน่าจะไม่เยอะ แต่ก่อนออกจากโรงแรม เราแวะเข้าไปสั่งให้ทางโรงแรมช่วยเตรียมมื้อเที่ยงให้หน่อย เพราะว่ามื้อเช้าเราลงมาทานกับพี่สาวแค่สองคน น้องชายยังไม่ตื่น ก็เลยคิดว่างั้นเที่ยงเรากินที่โรงแรมเลยดีกว่า โรงแรมมิตรพันธ์ มีบริการอาหารมื้ออื่นๆด้วยนะคะ เราสามารถสั่งอาหารไปทานบนห้องได้เลยค่ะ
ขับรถออกจากโรงแรมมิตรพันธ์ ให้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนใหญ่ ขับรถตรงไปเรื่อยๆจะเจอป้ายบอกทางไปสะพานประวัติศาสตร์ค่ะ ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็มาถึง เมื่อมาถึงให้มองหาที่รับฝากรถนะคะ เพราะแถวนั้นหาที่จอดไม่ได้เลยค่ะ
เราว่า เราก็มาเช้าละนะ แต่ๆมีคนมาเช้ากว่าเราอีกกกกกกกกกกกกก
เอาเป็นว่าใครตื่นเช้า เราแนะนำให้มาเช้าที่สุด เพราะจะได้วิวที่สวยและคนจะได้ไม่เยอะมากค่ะ
เราถ่ายรูปจนพอใจบวกกับแดดและผู้คนที่เริ่มไล่เรามาเรื่อยๆ ก็คิดว่าถึงเวลากลับโรงแรมดีกว่า
เรากลับมานอนเล่นที่โรงแรมต่ออีกหน่อย เพื่อรอทุกคนในทริปจัดการธุระตัวเองและรอเวลาที่นัดให้ทางโรงแรมจัดมื้อเที่ยงไว้ให้
11.00 น ทางฟร้อนโทรมาบอกเราบนห้องว่า อาหารที่สั่งเอาไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว
รสชาติอาหารของทางโรงแรมถือว่าอยู่ในระดับใช้ได้เลยค่ะ มีเมนูหลากหลายให้เลือก ใครขี้เกียจไปหาทานข้างนอก เหมาะมากกกกกกกกกกก ชอบโจทย์เวอร์ !
(ขออภัยที่ถ่ายรูปไม่สวย เก๊าหิววววว มือสั่นแล้ววว)
เราทานข้าวกันจนอิ่มแล้ว ก็ได้เวลาเช็คเอ้าท์ออกจากโรงแรม
สถานที่เที่ยวในจังหวัดกาญจนบุรีแบบรีบๆของเรายังไม่หมดเท่านี้ค่ะ เพราะเราจะไปคาเฟ่อีก 3 แห่ง ก่อนจะกลับกรุงเทพกัน
เราขับรถออกจากโรงแรมตาม google map มายังร้าน Library Cafe ร้านอยู่ถนนแม่น้ำแคว ใช้เวลาจากโรงแรมมาถึงคาเฟ่ประมาณ 5-6 นาที
Library Cafe ชื่อก็บอกว่าร้านนี้น่าจะมีหนังสือให้เราอ่าน
เข้ามาในร้านก็ไม่ผิดหวังจริงๆค่ะ เพราะในร้านมีโซนที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือ มีทุกประเภทของหนังสือจริงๆ ใครอยากมานั่งทานขนมไปด้วย อ่านหนังสือไปด้วยเราว่าร้านนี้น่าสนใจมากค่ะ
บรรยากาศในร้านที่เป็นโซนนั่งกับร้านหนังสือเป็นส่วนแยกกันค่ะ เอาง่ายๆว่าคนที่อยากอ่านหนังสือ ก็สามารถอ่านได้สบาย เพราะคนที่มาเฮฮา นั่งคุย ไม่ไปรบกวนคุณแน่นอนค่ะ
ร้านนี้ไม่ได้มีดีแค่หนังสือค่ะ เพราะว่าขนมของที่ร้านจะมีรูปลักษณ์สวย น่าถ่ายรูปมากกกกกกกแล้ว รสชาติก็อร่อยด้วยค่ะ แนะนำมากๆๆใครมากาญให้แวะมา Library Cafe ร้านอยู่ไม่ไกลจากสะพานประวัติศาสตร์ค่ะ
เรานั่งทานขนมกันจนอิ่มก็ได้เวลา จะไปร้านคาเฟ่ต่อไปได้ละ
เราขับรถต่อไปยังบ้านสิทธิสังข์ ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็มาถึงค่ะ
ตัวร้านอยู่ในย่านตึกเก่า อาคารบ้านเรือนแถวนี้ยังคงรูปแบบเดิมเอาไว้ค่ะ น่ามาถ่ายรูปเล่นมากค่ะ
เราตั้งใจมาร้านนี้มาก แต่เมื่อมาถึงอยากจะร้องไห้ เพราะไฟดับค่ะ เราเลยอดลองทาน กาแฟหรือขนมเลย ได้แต่ขออนุญาตถ่ายรูปรอบๆเท่านั้น เพราะเราเวลาตอนบ่ายโมงด้วยค่ะ สู้อากาศร้อนไม่ไหวจริงๆ เลยต้องถอยทัพออกจากร้านด้วยความอาลัยอยากนั่งต่อ
เราขับรถต่อไปยังคาเฟ่สุดท้ายก่อนที่จะกลับกรุงเทพ ก็คือ มีนา คาเฟ่
มีนา คาเฟ่ อยู่ระหว่างทางกลับกรุงเทพพอดีค่ะ เราขับรถตาม google map มาเรื่อยๆใช้เวลาประมาณ 25 นาที (ถนนหน้าร้านเป็นถนนลูกรังและอากาศร้อนมากค่ะ)
มีนา คาเฟ่ เป็นคาเฟ่ที่วิวดีมากๆๆค่ะ เพราะตัวร้านจะหันหน้าออกไปยังท้องทุ่งนาที่เบื้องหน้าคือด้านหลังของวัดถ้ำเสือ เราว่าใครเห็นวิวนั้นก็ต้องอยากมาคาเฟ่แห่งนี้แน่นอน ส่วนรสชาติของเครื่องดื่ม อร่อยทีเดียวค่ะ
หลังจากเราชมวิวจากมีนา คาเฟ่จนพอใจแล้ว ก็คงถึงเวลาที่เราจะกลับกรุงเทพกันได้แล้ว
ทริปนี้อาจจะเป็นการเที่ยวกาญที่ไม่เหมือนใคร ไม่ได้นอนโรงแรมที่อยู่ริมน้ำ นอนโรงแรมที่ดูธรรมดา แต่ให้ความอบอุ่นที่ไม่ธรรมดาเลย แล้วการเที่ยวคาเฟ่ในกาญของเราครั้งนี้ อาจจะไม่ค่อยมีใครทำ แต่เราอยากจะบอกว่าการเที่ยวในจังหวัดใกล้ๆกรุงเทพ และเป็นการเที่ยวแบบคนเวลาน้อย การได้ตะลอนไปตามคาเฟ่ต่างๆ ทำให้เราได้อ่านหนังสือ เขียนบันทึก ให้เราได้นั่งมองผู้คนและบรรยากาศ มันเป็นการสร้างแรงบันดาลใจอีกอย่างหนึ่งของเราเลยค่ะ
คุณลองทำแบบเราดูนะคะ แล้วจะรู้ว่าการเที่ยวและพักโรงแรมธรรมดาที่ไม่ธรรมดา ก็เป็นความสุขของการเดินทางอีกอย่างหนึ่ง
ปล. จริงๆทริปนี้เราตั้งใจจะไปปราสาทเมืองสิงห์ด้วยค่ะ แต่ด้วยอากาศที่ร้อนมาก ทำให้เรามีอาการคล้ายเป็นลมแดด จุดหมายปลายทางแห่งนี้เลยต้องพับเก็บไป แต่เราจะแนะนำแหล่งที่เที่ยวในกาญเอาไว้นะคะ เผื่อว่าใครอยากเดินทางแบบเรา แต่อยากไปที่อื่นด้วยจะได้ตามไปได้ค่ะ
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวที่อยู่ใกล้โรงแรมมิตรพันธ์ จ.กาญจนบุรี
1.เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124
ใครอยากจะแต่งตัวแบบแม่การะเกด ให้ลองไปใช้ชีวิตแบบวิถีไทยในอดีต แต่งชุดไทย ห่มสไบ เดินเล่นย้อนยุคที่ เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 ที่เที่ยวของเมืองกาญฯ เมืองจำลองย้อนยุคของไทยสมัย รัชกาลที่ 5
ระยะทางจาก โรงแรมมิตรพันธ์ – เมืองมัลลิกา ร.ศ. 124 : ขับรถ 25 นาที
2. ปราสาทเมืองสิงห์ ปราสาทเมืองขอม จ.กาญจนบุรี
ปราสาทเมืองสิงห์ หรือ อุทยานประวัติศาสตร์เมืองสิงห์ เป็นโบราณขอมแห่งเดียวของเมืองกาญจน์ ที่ยังคงเหลือถึงปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี หากใครนึกภาพปราสาทแห่งนี้ไม่ออก เราอยากจะบอกว่าที่นี่คือที่ใช้ถ่ายละครนาคี ด้วยนะ ใครจะแต่งชุดไทยไปเดินเล่นถ่ายรูปที่นี่ ก็เก๋ไปอีกแบบนะออเจ้า
ระยะทางจาก โรงแรมมิตรพันธ์ – ปราสาทเมืองสิงห์ : ขับรถ 30 นาที
3. สะพานข้ามแม่น้ำแคว
เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญมากอีกแห่ง เพราะสะพานที่สำคัญที่สุดของเส้นทางรถไฟสายมรณะ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งกองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์เชลยศึกฝ่ายสัมพันธมิตร มาก่อสร้างทางรถไฟสายยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นเส้นทางผ่านไปสู่ประเทศพม่า (ใครเคยดูหนังเรื่อง The Railway Man จะต้องอินกับสะพานแห่งนี้แน่นอน)
ระยะทางจาก โรงแรมมิตรพันธ์ – สะพานข้ามแม่น้ำแคว : ขับรถ 5 นาที
4. สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก
สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก หรือ “สุสานทหารสหประชาชาติ” หรือที่ชาวจังหวัดกาญจนบุรีทั่วไปเรียกว่า “ป่าช้าอังกฤษ” เป็นสุสานขนาดใหญ่บนพื้นที่ 17 ไร่ บรรจุศพเชลยศึกที่เสียชีวิตระหว่างการสร้างทางรถไฟสายมรณะถึง 6,982 หลุม (ใครเคยดูหนังเรื่อง The Railway Man จะต้องอินแน่นอนเมื่อไปเยือนจังหวัดกาญจนบุรี)
ระยะทางจาก โรงแรมมิตรพันธ์ – สุสานทหารสัมพันธมิตรดอนรัก : ขับรถ 7 นาที
5. วัดถ้ำเสือ
อยู่ที่ ต.ท่าม่วงชุม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ก่อนที่จะเข้าสู่ตัวเมืองกาญจนบุรี มีชื่อเสียงเลื่องลือในความสวยงามของรูปพระองค์ใหญ่ หลวงพ่อชินน์ประทานพร (เป็นวิวจากมีนา คาเฟ่ ที่เราไปมาตามรีวิวเลยค่ะ)
ระยะทางจาก โรงแรมมิตรพันธ์ – วัดถ้ำเสือ : ขับรถ 30 นาที
6. มีนา คาเฟ่
มีนา คาเฟ่ ตั้งอยู่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี เป็นคาเฟ่ที่มีวิวเป็นท้องทุ่งนาหลังวัดถ้ำเสือ ทำให้สามารถมองเห็นวิวของวัดถ้ำเสือได้จากด้านหน้าร้าน แนะนำว่าใครมากาญต้องมาแวะให้ได้
ระยะทางจาก โรงแรมมิตรพันธ์ – มีนา คาเฟ่ : ขับรถ 25 นาที
7. คีรีมันตรา
คีรีมันตรา เป็นร้านอาหารหลักร้อย แต่มีวิวหลักล้าน เพราะตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของขุนเขาเขียวขจีที่โอบล้อม บรรยากาศของร้านวิวดีมากๆค่ะ แนะนำให้ไปช่วงเย็นๆ รับรองคุณจะได้ถ่ายรูปจนเม็มเต็มนอนแน่
ระยะทางจาก โรงแรมมิตรพันธ์ – คีรีมันตรา: ขับรถ 10 นาที
8. The Village Farm to Cafe
คาเฟ่ ที่มีวิวธรรมชาติที่สวยมาก ซึ่งอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับร้านอาหารคีรีมันตรา ร้านนี้นอกจากบรรยากาศร้านที่สวยมากแล้ว อาหารทั้งคาวและหวาน ที่คาเฟ่แห่งนี้น่าทานทุกอย่างเลยค่ะ แนะนำให้ไปช่วงกลางวันนะคะ จะถ่ายรูปออกมาสวยมากกว่า
ระยะทางจาก โรงแรมมิตรพันธ์ – The Village Farm to Cafe : ขับรถ 10 นาที
9. Library Cafe
คาเฟ่นั่งชิลล์ใกล้สะพานข้ามแม่น้ำแควกาญจนบุรี มีมุมให้ถ่ายภาพเก๋ๆ มีอาหารให้เลือกทั้งคาวหวาน ขนมและเครื่องดื่ม เป็นร้านที่นั่งสบายมากค่ะ แถมยังมีหนังสือหลากหลายแนวให้อ่านด้วยนะคะ
ระยะทางจาก โรงแรมมิตรพันธ์ – Library Cafe : ขับรถ 6 นาที
10. บ้านสิทธิสังข์
บ้านสิทธิสังข์ คาเฟ่สไตล์โคโรเนียล ร้านอยู่ในย่านตึกเก่า ภายในยังคงตกแต่งให้ได้กลิ่นอายความคงเดิมเอาไว้ ซึ่งเป็นอีกร้านที่ถ้ามากาญจนบุรีควรแวะมามากๆค่ะ
ระยะทางจาก โรงแรมมิตรพันธ์ – บ้านสิทธิสังข์ : ขับรถ 15 นาที
ข้อมูลติดต่อเพิ่มเติม โรงแรมมิตรพันธ์ กาญจนบุรี
ที่อยู่ 244 หมู่ 5 ถนนแสงชูโต ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี 71000
โทร : 034-520-556
http://www.facebook.com/mittapan
ปกติราคาห้องพักคืนละ 1300 บาท แต่ช่วงโปรโมชั่นจะเหลือแค่ 1000 บาท
หรือใครจะจองผ่าน Agoda สามารถกดค้นหาจากแทปลิงค์ด้านล่างได้เลยนะคะ
//cdn0.agoda.net/images/sherpa/js/sherpa_init1_08.min.js
var stg = new Object(); stg.crt=”8758907353051″;stg.version=”1.04″; stg.id=stg.name=”adgshp-741142323″; stg.width=”900px”; stg.height=”268px”;stg.ReferenceKey=”b8jdJOPaQVUmRcCiZwSS3w==”; stg.Layout=”Oneline”; stg.Language=”th-th”;stg.Cid=”1801159″; stg.Hid=”2005786″; stg.DestinationName=”มิตรพันธ์ กาญจนบุรี”;stg.OverideConf=false; new AgdSherpa(stg).initialize();