New York มหานครความศิวิไลซ์ของโลกใบนี้ หนึ่งในจุดหมายปลายทางของหลายๆคน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือฉันเอง
การเดินทางครั้งนี้ New York เป็นส่วนหนึ่งของ USA trip โดยจุดหมายปลายทางหลักของทริปคือ Florida เพราะต้องไปร่วมงานโรงเรียนของน้องชาย ก่อนกลับไทย เราเลยขอแวะเที่ยว New York
ก่อนจะเริ่มทริป New York น้องชายซึ่งเคยไปเที่ยวมาก่อน ก็เตือนว่าอย่าคาดหวังเยอะ เพราะ New York เมืองใหญ่ ผู้คนหลากหลาย อาจจะหาน้ำใจจากคนที่นี้ยาก คนไร้บ้านเต็มไปหมด ของราคาแพง และสกปรก มันอาจจะไม่เป็นเหมือนฝัน
ส่วนตัวจากการเดินทางมาหลายๆทริป ทำให้ตัวเราเองเข้าใจถึงเมืองใหญ่ เมืองที่เป็นจุดหมายปลายทางในฝันของใครหลายคน บางครั้งมันก็จะมีมุมที่ไม่เหมือนฝันอยู่เหมือนกัน สำหรับ New York ถึงแม้มันอาจจะไม่เป็นเหมือนฝัน ก็ขอสักครั้งให้ตัวเองได้ไปเยือน ด้วยคำเตือนจากน้องชาย เลยทำให้การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรมากมาย แต่ไม่ว่าจะยังไง New York ก็เป็นอีกจุดหมายปลายทางในฝันที่อยากไป
ช่วงที่เราไปอากาศไม่ค่อยจะเป็นใจ เราเจอแดดแค่ 2 วันสุดท้ายของทริป ดังนั้นทริปนี้เลยได้เห็น New York ในมุมหม่นๆ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของ New York ลดน้อยลงไปเลย
(มีสรุปค่าใช้จ่ายไว้ตอนท้ายนะคะ)
Day 1
Brooklyn Bridge
เชื่อว่าถ้าพูดถึง New York สะพาน Brooklyn จะเป็นสถานที่แรกๆที่หลายคนนึกถึง วันแรกของทริปเราเลยมุ่งหน้าไป Brooklyn Bridge โดยเรานั่ง subway มาลงฝั่ง Brooklyn เหตุเพราะเราหิวและตั้งใจจะไปทาน Shake Shack ที่สาขานี้ด้วย ตลอดทั้งบ่ายของวันนั้นเราเลยใช้เวลาเดินเล่นชมวิวรอบๆ สะพาย Brooklyn วันแรกสำหรับเราสองคนพี่น้องเน้นชิลๆค่ะ ไม่รีบร้อน อยากซึบซึมเมืองในฝันให้เต็มที่
“วิว Manhattan จากฝั่ง Brooklyn ไม่ไกลกับร้าน Shake Shack “
“วิวด้านขวาของสะพาน Brooklyn จะมองเห็นสะพาย Manhattan และตึก Empire State “
Time Square
ทริปนี้เราพักโรงแรมที่อยู่ใน Time Square เลย แต่เราไม่ได้ตื่นเต้นกับ Time Square มากนัก เพราะตัวสถานที่จริงๆมันคือ แหล่ง Shopping ที่รวมร้านค้าต่างๆเอาไว้ บวกด้วยป้ายไฟโฆษณาที่เป็นเอกลักษณ์ของ Time Square แถมshop สาขาที่นี้ส่วนใหญ่จะปิดดึก เหมาะกับขาช้อปมากๆค่ะ
Day 2
View From Top of The Rock
เช้าวันที่ 2 ใน New York เราเริ่มด้วยการไปดูวิวมุมสูงบนตึก Rockefeller โดยการขึ้นไปชมวิวด้านบนนั้นต้องจ่ายคนละ $34 ซึ่งเราซื้อ 3 City Pass มาก่อน เพราะจะได้สะดวกไม่ต้องต่อคิว ใครมี Pass หรือ ซื้อตั๋วล่วงหน้าในเว็บ http://www.topoftherocknyc.com มาก่อนแล้วสามารถแสดงตั๋ว แล้วขึ้นไปด้านบนของตึกได้เลย วันที่เราไปดันเป็นวันที่ฝนตกซะงั้น เราก็เลยได้เห็น New York สีเทาๆ
” ไฮไลซ์วิวจากตึก Rockefeller คือสามารถมองเห็น Empire “
“และอีกด้านคือ Central Park”
ภาพวิว New York ที่เห็นตรงหน้ามันทำให้คนที่ใฝ่ฝันว่าวันหนึ่งอยากจะไป New York สักครั้ง เอ่อล้นด้วยความรู้สึกที่บรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ยาก แต่ความรู้สึกนั้น มันเหมือนกับว่าความฝันที่วันนี้เราทำสำเร็จแล้ว
St. Patrick’s Cathedral + Fifth Avenue
จากตึก Rockefeller เดินต่อมาอีกนิดก็จะเจอกับ St. Patrick’s Cathedral แต่วันนั้นเราไม่ได้เข้าไปด้านใน เนื่องจากฝนเริ่มตกอีกครั้ง กล้องเราสองคนพี่น้อง ไม่มีใครกันความชื้นเลย บวกกับอาการหิวแล้วด้วย เลยได้แต่ถ่ายรูปชมความสวยงามจากด้านนอกแทน
จากนั้นเราก็เดินถ่ายรูปเล่นบนถนน Fifth Avenue ก่อนจะไปหาอะไรทาน ถนนเส้นนี้จะเต็มไปด้วยแบรนด์หรูๆเยอะมากค่ะ ส่วนตัวเราว่า Fifth Avenue ค่อนข้างกว้าง แบรนด์แต่ละแบรนด์ไม่ได้อยู่กระจุกกันแบบ Soho ใครมา New York ถึงจะไม่ช้อปปิ้งกระเป๋าหนักก็ยังแนะนำให้มาเดินเล่นที่นี้ค่ะ เพราะถนนเส้นนี้บรรยากาศถ่ายรูปสนุกเลย
Soho
Soho เป็นย่านที่เราชอบมาก ถึงขนาดไปมา 2 รอบเลยค่ะ ย่านนี้รวมแบรนด์ดังไว้เยอะมากทั้ง hi-street , hi-end รวมถึงร้านที่ไม่ได้ติดแบรนด์ ขอบอกว่าถ้าใครชอบช้อปปิ้ง ต้องหลงรักย่านนี้แบบเราค่ะ ย่านนี้เราว่ามีเสน่ห์มากๆ ทั้งตัวอาคาร ผู้คน การแต่งตัวเก๋ๆ ไม่ใช่แค่คนชอบช้อปปิ้ง คนที่ชอบถ่ายรูปแนว street ก็แนะนำย่านนี้เลยค่ะ
Flatiron Building
สำหรับ Flatiron Building ตึกรูปทรงแปลกตา ภายในตึกไม่ได้เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมนะคะ แต่ถ้าใครตามบล็อกเกอร์ท่องเที่ยวชาวต่างชาติ จะต้องเคยเห็นคุ้นๆตากับตึกสามเหลี่ยมที่เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของ New York ใครมา New York อย่าลืมแวะมาถ่ายรูปกับตึกนี้นะคะ
Day 3
Central Park
เริ่มต้นวันที่ 3 ด้วย Central Park ซึ่งพื้นที่ของ Central Park กว้างมากๆ ถ้าเดินทั่วคงใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ชม แบบไม่ได้นั่งชมนกชมไม้เลยค่ะ ขอแนะนำคนที่มีเวลาให้มาเดินเล่นที่นี้ค่ะ เพราะด้านในบรรยากาศดีมากๆ เย็นสบาย สงบ จนไม่อยากเชื่อว่าเราอยู่ New York เลยจริงๆ แต่วันนั้นเราสองคนพี่น้องดันหิวอีกแล้ว บวกกับลมที่เย็นมากๆพัดปะทะตัว ทำให้การเดินเล่น Central Park ของเราเป็นแค่การเดินผ่านๆเพื่อไปหาอะไรทานใกล้ๆกับ Museum ซึ่งเป็นแพลนต่อไป (พลาดเพราะความหิวตลอดดดดด)
The Metropolitan Museum of Art New York
The met museum เป็น museum ที่เราชอบมากๆเลยค่ะ ถือว่าเป็นสถานที่ๆชอบสุดของทริปนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งก่อนหน้าที่จะมา New York เพื่อนฝรั่งชาวเมกา ก็บอกว่า museum นี้ ยังไงก็ต้องไปให้ได้ ส่วนตัวเราชอบงานศิลปะเป็นทุนเดิม แต่ไม่ถึงกับเข้าใจลึกซึ้ง บวกกับการที่ใครๆก็บอกว่าควรมา เราจึงมาตามคำแนะนำ เมื่อได้มาด้วยตนเอง เข้าใจเลยค่ะ ว่าทำไมใครๆถึงแนะนำที่นี้ เพราะมันมีอะไรให้หลงไหลเยอะมากจริงๆ ถึงคนที่ไม่เข้าใจศิลปะ ไม่ได้ชอบเป็นพิเศษ ยังไง เราว่าก็ควรมาสักครั้งให้ได้ค่ะ ที่นี้ใช้เวลาอย่างต่ำ 2 ชม แบบเดินชมผ่านๆนะคะ เพราะใหญ่มากกกกกกกกกกกกกก
” บรรยากาศด้านหน้า museum วันทีเราไปคนเยอะมากเลยค่ะ “
ส่วนค่าเข้าชมนั้น จริงๆสามารถเลือกใช้ 3 City Pass ที่เรามีได้นะคะ แต่เราเลือกที่จะจ่ายแบบบริจาคมากกว่าค่ะ เพราะเราจะเก็บส่วนของ Pass ไว้ใช้ที่อื่นและมันก็คุ้มกว่าด้วย เมื่อถึงก็ซื้อตั๋วด้านหน้าก่อนขึ้นบันไดเลยค่ะ โดยเราจ่ายไปในราคาคนละ $5 ซึ่งราคานี้ถือว่าถูกมากและคุ้มมากกับการศิลปะด้านใน
สำหรับ the met museum แนะนำมากๆค่ะ แค่เข้าไปเดินดูผ่านๆก็คุ้มมากๆแล้ว
View from Empire State Building
หลังออกจาก museum เราสองคนพี่น้อง ลองเช็คอากาศดูแล้วว่าเย็นนี้น่าจะไม่มีฝน แล้ววันพรุ่งนี้อากาศก็พอๆกับวันนี้ เราเลยตัดสินใจว่า งั้นเย็นนี้เราจะไปดูวิวมุมสูงบนตึก Empire State กัน สำหรับค่าเข้าชมวิวบนตึกนั้น ราคาคนละ $34 ส่วนเรานั้นมี 3 city pass มาก็แค่แสดง pass แล้วก็สามารถขึ้นไปบนชั้น 86 ได้เลย
แต่เมื่อเราขึ้นไปถึงชั้น 86 แล้ว แม่จ้าวววววววววววว !!!!!
หมอกเลยค่ะ หมอกแบบปะทะหน้า คือด้านล่างอากาศดี แต่ด้านบนนี่ไม่เห็นอะไรเลย
แม้ว่าหมอกจะบดบังวิว แต่มันก็ทำให้เราได้เห็นบรรยากาศที่สวยไปอีกแบบ
Macy’s
สุดท้ายของวันนี้เราเลยขอไปเดินเล่นที่ห้าง Macy’s ขอบอกว่าขาช้อปยังไงก็ควรมานมัสการห้างนี้จริงๆ ที่นี้ของไม่ได้ราคาถูกแบบต้องซื้อ แต่เราว่ามันมีของบางชิ้นที่สาขาอื่นของหมดแต่ที่นี้มี และข้อเสียของห้างนี้คือ ของคุณผู้ชายจะน้อยหน่อยค่ะ
Day 4
Statue of Liberty
สำหรับเช้าวันที่ 4 เราเริ่มต้นด้วยการไปชมเทพี เสรีภาพ เพราะถ้าถึงนึก New York ก็ต้องนึกถึงสิ่งนี้ โดยครั้งนี้เราไม่ได้ขึ้นไปบนเกาะนะคะ แต่เราจะไปนั่งเรือชมวิวเทพีกันค่ะ เราสองคนพี่น้องปรึกษากันแล้วว่า เราอยากเห็นวิวที่มี Statue of Liberty มากกว่าการไปอยู่บนเกาะแล้วมองกลับมา
สำหรับตั๋ว ราคาคนละ $30 แต่เรามี 3 city pass ก็แค่เอาpass มาแลกตั๋ว แล้วรอขึ้นเรือค่ะ โดยเรือจะมี 3 รอบนะคะ รอบเช้า 10.30 รอบบ่าย 14.30 และ 16.30 แต่ละรอบใช้เวลา 1 ชม สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ตามนี้เลยค่ะ https://www.circleline42.com สำหรับเราเลือกเป็นรอบเช้า เพราะเวลาถ่ายรูปแสงจะเข้าหน้าเทพีพอดี ถ่ายออกมาจะสวยกว่าค่ะ
และแนะนำว่าให้รีบมาแต่เนินๆหน่อย จะได้จองที่ริมๆไว้ถ่ายรูปชัดๆค่ะ ส่วนเรือจะมี 2 ชั้นนะคะ ชั้นบนถ้าขึ้นไปต้องจ่ายเพิ่ม ซึ่งเราก็เลือกจ่ายเพิ่มเพื่อจะได้เห็นวิวชัดๆ และด้านบนคนไม่แน่นค่ะ (แต่เราจำราคาที่จ่ายเพิ่มไม่ได้)
“เช้าวันที่เราไปก็ยังไม่มีแดดนะคะ ภาพสีเลยเทาๆไปหน่อย”
“จะค่อยๆเริ่มเห็น statue of liberty ชัดขึ้นเรื่อยๆแล้วค่ะ”
“เย้ !!! ช้านนนนนมาถึงนิวยอร์กจริงๆละน้าาาาาาาาา”
สำหรับใครที่อยากเห็นเทพีเสรีภาพแบบเต็มๆด้วยตัวเองสักครั้งแบบเรา ขอแนะนำให้นั่งเรือชมวิวแบบนี้ค่ะ ใช้เวลาไม่เยอะ วิวชัดเจน คุ้มค่ามากๆ และแนะนำให้มารอบเช้านะคะ ภาพแสงจะออกมาสวย
The High Line
จากท่าเรือเดินเท้าต่อมาอีกหน่อยก็จะถึง the high line ที่นี้ชาวนิวยอร์กแนะนำเรามาค่ะ ว่าให้ลองมาดู
สำหรับ the high line เป็นสวนสาธารณะย่อมๆ ที่นี้ถ้าเป็นวันอากาศดี น่ามานั่งเล่นชมวิว แต่ที่นี้ไม่ได้มีอะไรตื่นตาตื่นใจ แนะนำว่าถ้าใครมีเวลาเหลือ ไม่รู้จะไปไหน แนะนำให้ลองมาเดินเล่นที่นี้ค่ะ
Wall Street
ช่วงบ่ายวันนั้นเราไปต่อกันที่ wall street ค่ะ ตั้งใจว่ามา New York แล้วก็จะไปหาพี่กระทิงซะหน่อย ย่านนี้ถือว่าเป็นย่านทำงาน ไม่ได้คึกคักแบบสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆสักเท่าไหร่
เราก็เดินตามหาพี่กระทิงค่ะ อยากจะขอถ่ายรูปด้วยสักหน่อย แต่ที่ไหนได้ คนเยอะมากกกกกกก เลยยอมแพ้ งั้นขอแค่ยืนซึมซับอยู่ห่างๆก็แล้วกัน ดังนั้นใครจะมาถ่ายรูปคู่กับพี่กระทิง ขอให้ทำใจมาล่วงหน้าเลยค่ะ ว่ายังไงก็นานและคนเยอะแน่นอน
National September 11 Memorial
9/11 memorial เป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆเราอยากไปมากของทริปนี้ เพราะเรายังจำข่าวใหญ่ ช็อกโลก ที่มีการจี้เครื่องบินพุ่งชนตึกได้ดี ซึ่งปัจจุบันในจุดที่เคยเป็นตึก world trade 2 ตึก ได้มีการสร้างอนุสรณ์เพื่อระลึกถึงผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น แต่เราไม่ได้เข้าไปในตัว museum นะคะ แค่ซึมซับบรรยากาศอยู่รอบๆ
และตอนนี้ได้มีการสร้างตึก One World Trade ขึ้นมาแทนตึกเดิมที่ถล่มไป
สำหรับใครที่มา New York แนะนำว่าที่นี้ยังไงก็ควรมาให้ได้ เพราะเป็นอีกหนึ่งสถานที่ๆเกิดเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของโลก และถึงแม้เหตุการณ์จะผ่านไปหลายปีแล้ว แต่ที่นี้ก็ยังคงมีบรรยากาศความเศร้าสลดอบอวลอยู่
Day 5
Roosevelt Island Tramway
วันสุดท้ายก่อนกลับไทย เรามีเวลาว่างช่วงกลางวัน เราเลยลองนั่ง Tramway เพื่อไปยังเกาะ Roosevelt แต่น่าเสียดายที่เรามีเวลาไม่เยอะเลยไม่ได้ลองสำรวจเกาะ Roosevelt สำหรับคนที่มีบัตร Metro Card Unlimited สามารถใช้แตะผ่านได้เลยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แนะนำว่าใครมีเวลาเหลือ ไม่รู้จะไปไหนดี ลองมานั่งชมวิวเล่นๆ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบค่ะ
“วิวข้างทางเมื่อมองลงมา”
Grand Central Terminal
สถานที่สุดท้ายของทริปนี้ เราแวะมาชมสถานีรถไฟเก่าแก่ของนิวยอร์กกันค่ะ ปัจจุบันที่นี้ยังใช้งานอยู่นะคะ ที่นี้ด้านในสวยมากๆเลยค่ะ ควรค่าแก่การมาเยือนมากๆ
Street
สุดท้าย ใครชอบการถ่ายรูป ผู้คน ถนน บรรยากาศทั่วๆไป จะต้องหลงเสน่ห์ New York แบบเราแน่นอนค่ะ
สำหรับเราๆว่า New York เที่ยวไม่ยาก ค่อนข้างปลอดภัย ใครเคยผ่านญี่ปุ่นมาแล้วรับรองเที่ยวที่นี้ได้สบายเลยค่ะ และถึงแม้ที่นี้จะมี Homelessเยอะ แต่ไม่ได้อันตรายนะคะ เขาอยู่ของเขา จะตั้งกระป๋องแบบขอทาน ไว้ให้บริจาค ถ้าเราไม่ให้ก็แค่เดินผ่านไปค่ะ แต่จะมีคนที่แต่งตัวเหมือนพระจีนเดินมาผูกสายสิญน์ให้แล้วจะขอเงินเราค่ะ แนะนำว่าให้เดินแบบไม่สนใจ เฉยๆไปค่ะ เขาก็จะไม่มายุ่งกับเรานะคะ ถ้าใครหลงทางหาทางไม่เจอ แนะนำให้บริจาคเงินให้ Homeless แล้วถามทางเพราะเขารู้ทางดีที่สุดค่ะ USAเรื่องทิปเป็นเรื่องสำคัญมากๆเลยนะคะ ต้องให้ทิปอัตรา 20% ของราคาที่เราจ่ายทั้งหมด และสำหรับการเดินทางหลักใน New York เราใช้ subway เพราะเส้นทางจะทั่วถึงเกือบทั้งหมด แนะนำเช็คการเดินทางผ่าน google จะแม่นยำที่สุด เพราะ subway ที่นี้จะซ่อมบ่อยค่ะ
การเดินทางครั้งนี้เราได้เห็น New York ในแบบที่อยากเห็น และได้เห็นในมุมที่ไม่คิดว่าจะได้เห็น เรารู้สึกอิ่มกับNew Yorkมาก มันเป็นความรู้สึกที่ทุกอย่างพอดี ไม่มากจนล้น ไม่น้อยจนรู้สึกว่าขาดอะไรไปถึงแม้ใครจะบอกว่า New York เป็นเมืองใหญ่ คนเยอะ วุ่นวาย สกปรก และ ของแพง แต่ New York ในความรู้สึกและความทรงจำเรา ก็ยังคงเป็นจุดหมายปลายทางฝันของเราต่อไป
Visa
สำหรับ Visa เมกา ความรู้สึกเราถ้าถามว่ายากมั้ย ก็เหมือนจะยาก แต่ถ้าจะว่าง่ายมั้ย ก็เหมือนจะง่าย เพราะว่า Visa เมกา แทบจะไม่เอาเอกสารใดๆเพิ่มเลยค่ะ มันอยู่ที่ดุลพินิจของท่านกงศุล
ข้อมูลส่วนตัวเราคือ อายุ 24 ปี อายุงาน 1 ปี ทำงานธุรกิจที่บ้าน Passport เล่มปัจจุบันเดินทางมาพอสมควรค่ะ และมีน้องชายเรียน high school อยู่ที่ Florida
สำหรับเทคนิคที่เราอยากแนะนำจากประสบการณ์ส่วนตัวคือ ให้กรอกรายละเอียดเกี่ยวกับอาชีพให้มากที่สุด ให้เขามั่นใจว่าเราจะไปเที่ยวและจะกลับมาประเทศไทย ไม่ไปอยู่ยาวแน่นอน
ด้วยจากข้อมูลทำงานในธุรกิจของครอบครัว ซึ่งตอนแรกจุดนี้เรากลัวว่าท่านกงศุลจะคิดว่า ถ้าเราจะโดดมันง่ายมาก เพราะเป็นธุรกิจของครอบครัว แถมยังมีน้องชายเรียนที่เมกาด้วย ดังนั้นเราจึงอธิบายแบบละเอียดเลยค่ะ ว่าธุรกิจก่อตั้งมาตั้งแต่ปีไหน จดทะเบียนชื่อใคร เราทำงานตำแหน่งอะไร ที่ตั้งที่ทำงานอยู่ที่ไหน เงินเดือนเท่าไหร่ มีโบนัสเท่าไหร่ กรอกไปแบบละเอียดสุดๆเลยค่ะ
และถ้ากรอกผิดแต่ว่ากด submit ไปแล้ว เราแนะนำว่ากรอกใหม่เลยค่ะ เอาให้มั่นใจที่สุด เพราะเราเองกรอกใหม่ไปหลายรอบเลยค่ะ
ลิงค์วันที่เราไปสัมภาษณ์มานะคะเคยรีวิวไว้ใน Pantip >> https://pantip.com/topic/36267415
ต ม กับ ผู้หญิงเดินทางคนเดียว
สำหรับใครที่กังวลว่าเป็นผู้หญิงเดินทางคนเดียว จะผ่าน ตม ยากมั้ย จากประสบการณ์ส่วนตัวไม่ยากนะคะ ขอแค่เรามีสติ อย่าตื่นเต้นจนไม่ได้ฟัง ตม ถาม
ลิงค์ที่เราเคยรีวิวไว้ใน Pantip >> https://pantip.com/topic/36565093
สรุปค่าใช้จ่าย
- ในส่วนของตั๋วเครื่องบินเราเลือกสายการบิน Emirates และที่พัก เราจองผ่าน Expedia แบบแพ็คเกจรวมกันเลย ในส่วนนี้ถ้าใครเลือกที่จะไม่พักโรงแรมย่าน time square ก็จะสามารถประหยัดได้เยอะเลยค่ะ
- 3 city pass เราเลือกที่จะจองไปก่อน เพราะไม่อยากไปต่อแถวรอ สามารถเข้าไปดูเพิ่มเติมได้ที่ http://www.citypass.com/new-york-comparison ซื้อแล้วปริ้นใบที่ทางเว็บส่งมาให้ไปด้วยนะคะ
- รถเข้าเมืองจากสนามบิน JFK เราใช้ bus จะมีโต๊ะขายตั๋วอยู่ด้านหน้าของทุก terminal เลยค่ะ บอกเจ้าหน้าที่ว่าโรงแรมเราอยู่ที่ไหน แล้วเขาจะแนะนำเราต่อให้ค่ะ ถ้าเลือกใช้ bus จะช่วยประหยัดไปได้เยอะ ส่วนทิปนี้จ่ายตามจำนวนกระเป๋าของเรานะคะ สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.nycairporter.com/schedules/
- บัตร metro unlimited สามารถซื้อได้ที่ตู้ขายอัตโนมัติ ที่สถานีทุกแห่งเลยคะ คุ้มมากๆ
- ส่วนค่าอาหาร เราลืมจดรายละเอียดแต่ละมื้อมา แต่จะจดสรุปว่าแต่ละวันใช้เงินไปเท่าไหร่ ซึ่งราคานี้แต่ละวัน เราจะมี 1 มื้อที่ทานร้านดีๆ ส่วนมื้ออื่นก็เอาตามสะดวก และทุกวันเราจะกินขนมด้วยค่ะ ขอบอกว่าราคานี้เรากินอิ่ม อ้วน ทุกวันเลยค่ะ
- ค่าแท็กซี่ขากลับเข้าสนามบิน JFK เราให้ทางโรงแรมเรียกรถให้ค่ะ เพราะเราสองคนพี่น้องมีกระเป๋าขนาด 28-30″ 4 ใบ carry on 2 ใบ ซึ่งแท็กซี่ทั่วไปจะไม่รับเราค่ะ เราเลยยอมเรียกรถคันใหญ่ ราคาเหมาคันละ $100 รวมทิป ที่สำคัญคนขับบริการดีมากๆค่ะ
ชอบภาพมากเลยค่ะ ใช้รูปเล่าเรื่องได้ดีจัง แต่แอบมีมุมเดียวกันอยู่บ้าง ^^
ถูกใจถูกใจ
แหะๆ ขอบคุณมากนะคะ จะพยามปรับปรุงในโพสต่อๆไปค่ะ
ถูกใจถูกใจ
ภาพสวยเหมือนได้เที่ยวเองเลย…ขอบคุณค่ะ😙😙
ถูกใจLiked by 1 person
ขอบคุณมากนะค้าาาาา
ถูกใจถูกใจ
ดึงดูดใจให้ไปเลยกี้ ภาพสวย เล่าเรื่องดี👍🏻
ถูกใจLiked by 1 person
ขอบคุณค้าาาาา
ถูกใจถูกใจ